ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบบางกรวย
ถ้าพูดเรื่องพระกริ่งเดิมทีเซียนเจี๊ยบไม่มีความรู้เลย ถือว่าเป็นเรื่องยากมากในการเรียนรู้ ถึงตอนนี้ก็มีความรู้เพียงน้อยนิด “ถ้าไม่เจอพระอาจารย์คงนับหนี่งไม่ได้” ถือว่าเป็นของยากมากมากสำหรับเซียนเจี๊ยบ เพราะมีของให้ดูน้อย และก็หาผู้รู้อธิบายให้เข้าใจยากมาก พระอาจารย์มีความรู้ลึกซึ้ง ยิ่งเป็นพระกริ่งวัดสุทัศน์ด้วยแล้ว ต้องใช้คำว่า ผู้รอบรู้เลยที่เดียว สามารถแยกแยะอธิบายได้ทุกรุ่น ให้รู้ซึ้งเข้าใจได้ถึงขบวนการสร้าง รุ่นไหนๆได้กระจ่างทุกมิติ จนเซียนเจี๊ยบพอหากริ่งให้พระอาจารย์ได้พอแล้ว ไปซื้อพระกริ่งทีเแรก เห็นพระอาจารย์หาพระกริ่งสังฆราชแพ ไอ้เรามีอยู่ในหัวทื่อๆ ต้องกริ่งปวเรศเท่านั้นรู้แค่มีบัวหลัง ถามพระอาจารย์ไม่เล่นพระกริ่งปวเรศหรือ พระอาจารย์บอกเล่นของสูงนะเธอ หาพระกริ่งเจ้าคุณศรีให้ได้ก่อนเถอะชาตินี้ นับจากวันนั้นก็เลยเดินหาพระกริ่งสังฆราชแพ ไม่มีบัวหลังจะรูด้านหลัง2รู มาตลอด
มาดูกริ่ง 83 ขอเสี่ยวันนี้ ให้เพื่อนๆ เอฟซีได้ชม”พระกริ่งไม่แต่งแบบนี้เรียกสวยเดิมๆ”พระองค์นี้ เจ้าของปัจจุบันได้มา 1 ชุดล่าสุด 3 องค์ มี พระกริ่งพรหมมุนีองค์ที่เคยลงไปแล้ว และเชียงตุงอีกองค์ แต่บังเอิญเสี่ยไปพบน้องเต้ ที่ย้ายไปอยู่สุราษธานี เลยตั้งใจแบ่งกริ่งเชียงตุงองค์งามให้น้องเต้เพื่อความเป็นสิริมงคล เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ใช้บูชาติดตัวไว้ ลืมถ่ายรูปองค์กริ่งเชียงตุงเก็บไว้ เลยไม่ได้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ชม มีโอกาศให้เจ้าของใหม่ถ่ายรูปส่งมา จะเอามาให้ชมอีกที เป็นองค์ที่งดงามสวยที่สุดในรุ่นองค์หนึ่งทีเดียว พระนาสิก(จมูก) ยังแหลมโด่ง ผิวพรรณแบบสัมฤทธิ์กลับแดง หรือสัมฤทธิ์ผล ซึ่งมีฤทธิ์ทางเมตตามหานิยมสูง ผิวในเป็นผิวทอง ผิวชั้นนอกปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงสภาวะภายนอกมาเป็นเวลาตามอายุการสร้าง หรือเรียกว่าผิวกลับ ถ้าเพื่อนๆนักสะสมเคยได้เห็นของเก่าบ้าง ก็จะสามารถพิจารณา ได้ตามช่วงอายุของแต่ละประเภทของวัสดุได้ เช่นการพิจารณาเนื้อสัมฤทธิ์ของสำนักวัดสุทัศน์นี้ มีจัดลักษณะของการกลับของเนื้อองค์พระกริ่งได้หลักๆคือ มีกลับดำ, แดง , ขาว, เหลือง แต่ในกริ่ง 83 จะเป็นสัมฤทธิ์กลับแดง องค์นี้เป็นพระที่มีผิวกลับแบบธรรมชาติ เนื้อองค์พระดูง่าย เนื้อไม่กลืนกันเป็นสีเดียวเหมือนของเลียนแบบ มีคราบทองคำลอยบนผิวกระจายทั่วองค์ ดูสบายตาเป็นอย่างยิ่ง องค์นี้ถือว่าหล่อได้ติดเต็มสวยงามมาก ช่างเลยไม่จำเป็นต้องแต่งมากเกิน จะมีก็แต่งเม็ดพระศกตามปกติเท่านั้น ในส่วนเม็ดประคำก็ไม่จำเป็นต้องเน้นอะไร ทำให้องค์นี้เข้าข่ายเดิมมากและคลาสสิกมากองค์หนึ่งในรุ่น ไว้ศึกษาเป็นองค์ครูได้เป็นอย่างดี บางองค์อาจต้องแต่งบริเวณพระพักตร์บ้าง ซึ่งอาจต้องพิจารณาให้ดี แต่ก็สามารถแยกพิมพ์นี้ได้ด้วยตาเปล่า เช่นจุดสังเกตุแรกคือ พระวัชระที่ท่านถือในพระหัตถ์ซ้าย ในพิมพ์นี้มีความเป็นเอกลักษณ์ คือเป็นรูปเรียวแหลมเหมือนหัวจรวด ถ้าพอมีพื้นฐานการดูกริ่งวัดสุทัศน์มาบ้าง ก็จะแยกออกได้ทันที
ทุกครั้งที่มีโอกาสนำพระกริ่งในสมเด็จพระสังฆราชแพ มาลงอวดกันก็อดคิดเสียดายทุกครั้ง เรื่องความนิยมในปัจจุบันซึ่งลดลงหดหายไปเรื่อยๆ เนื่องจากนักสะสมรุ่นใหม่อาจไม่ศึกษาให้เข้าถึงได้ ด้วยว่ามีข้อมูลจำกัดและหาชมองค์เป็นๆได้ยากยิ่ง ทำให้ราคาค่านิยมน้อยกว่าพระกริ่งรุ่นหลังๆจากหลายสำนักในขณะนี้ แต่สำหรับนักสะสมรุ่นเก่าที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็จะไม่มองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะตระหนักดีในพุทธคุณและคุณค่าของพระกริ่งวัดสุทัศน์ ถ้าเจอเมื่อไหร่อย่าปล่อยให้หลุดมือ เพราะจำนวนการสร้างรวมทุกรุ่นมีน้อยมาก จนแทบไม่มีหมุนเวียน มีแต่นักสะสมระดับน้อยใหญ่แอบซุ่มเก็บหวงเป็นสมบัติตระกูลให้ลูกให้หลานกัน และที่สำคัญเพื่อนนักสะสมชาวจีนเค้าก็เก็บกับไปเยอะแล้วนะครับ ไอ้ที่ว่าจะไม่มีให้เห็นกันก็คงเพราะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ถ้าคนไทยไม่เก็บคนจีนก็เก็บ เพราะเค้าเล่นมาจนถึงวันนี้ เผลอๆเล่นเป็นกว่าเราอีก
” พระเครื่องซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ภูมิปัญญาไทย ช่วยกันรักษาไว้นะครับ”
เจี๊ยบบางกรวย เดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897