ปลาหมอคางดำ … อรรถประโยชน์ในยุคเศรษฐกิจฝืด

0

บทความ โดย  โชติกา ธาตุธรรม 

ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง เงินในกระเป๋าชาวบ้านบางเบา บรรดาค่าครองชีพที่พุ่งไม่หยุดหย่อน ทำให้คำว่า “อยู่รอด” กลายเป็นคำสำคัญยิ่งกว่าความมั่งมี เมื่ออาหารแพง น้ำมันขึ้น ค่าใช้จ่ายขยับขึ้นทุกวัน หนึ่งในทางรอด คือการมองหา “ทรัพยากรทางเลือก” ที่เราอาจเคยมองข้าม  น่าแปลกใจไหม… ที่หนึ่งในนั้นคือ “ปลาหมอคางดำ”

จากปลาไร้ค่า สู่ทรัพยากรทรงคุณค่า

ปลาหมอคางดำ หรือที่รู้จักกันว่าเป็น “ปลาต่างถิ่นรุกราน” เคยถูกประณามว่าเป็นตัวการทำลายความหลากหลายของระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติ มีความสามารถปรับตัวสูง วางไข่เก่ง และล่าอย่างไม่ปรานีจนปลาท้องถิ่นหลายสายพันธุ์ต้องลดจำนวนลง …  แต่นั่นอาจเป็นเพียง “ด้านเดียวของเหรียญ”

ความจริงคือปลาชนิดนี้มีเนื้อแน่น โปรตีนสูง ไขมันน้อย  โดยการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของปลาหมอคางดำ น้ำหนัก100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 97 กิโลแคลอรี น้ำ 78.0 กรัม โปรตีน 21.6 กรัม และไขมัน 1.2 กรัม ประกอบด้วยแร่ ธาตุโปแตสเซียม 404 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 215 มิลลิกรัม โซเดียม 65 มิลลิกรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 32 มิลลิกรัม สังกะสี 1.6 มิลลิกรัม และเหล็ก 0.5 มิลลิกรัม ที่สำคัญคือ ราคาถูกกว่าปลาเลี้ยงทั่วไปหลายเท่าตัว  

CREATOR: gd-jpeg v1.0 (using IJG JPEG v80), quality = 80

หากจัดการอย่างถูกวิธี มันสามารถเป็นวัตถุดิบอาหารที่ดีเยี่ยม ทั้งในรูปปลาสด ปลาย่างแห้ง หมัก ตาก หรือแม้แต่แปรรูปเป็นอาหารสัตว์ หรืออาหารแปรรูปต้นทุนต่ำสำหรับผู้มีรายได้น้อย การนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารก็สามารถทำได้หลากหลาย เช่น ปลาร้า ปลาเค็มแดดเดียว น้ำปลา น้ำปลาร้า และลูกชิ้นปลา ซึ่งไม่เพียงเพิ่มมูลค่าให้กับปลาที่มีราคาต่ำ แต่ยังช่วยลดปริมาณปลาที่แพร่กระจายในธรรมชาติซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต

จากขยะในสายตา…สู่ทุนในแปลงเกษตร

อรรถประโยชน์ของปลาหมอคางดำไม่ได้หยุดแค่จานข้าว หากแต่ขยายไปถึงผืนดิน ในโครงการของ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้มีการนำปลาหมอคางดำมาผลิตเป็น “น้ำหมักชีวภาพ” ตามสูตรของกรมพัฒนาที่ดิน โครงการนี้ไม่เพียงช่วยกำจัดปลารุกราน แต่ยังใช้เพิ่มผลผลิตให้เกษตรกรสวนยางได้อย่างคุ้มค่า

ในระยะแรก กยท. รับซื้อปลาจำนวนกว่า 580,000 กิโลกรัม นำไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพได้ราว 930,000 ลิตร แจกจ่ายให้เกษตรกรสวนยางรายละ 40 ลิตร ครอบคลุมกว่า 14,000 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันยังช่วยลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง ผลลัพธ์ที่ได้คือ เปลือกยางนิ่มขึ้น กรีดยางง่ายขึ้น น้ำยางเพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลง รายได้เพิ่มขึ้น วัฏจักรที่ดีนี้เกิดจาก… ปลาหมอคางดำตัวเดียว!!

คงถึงเวลาทบทวนความคิดที่ว่า ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ราคาถูกจะไร้ค่า  ในวันที่สังคมหลายกลุ่มมุ่งแต่สร้างภาพลบให้ปลาชนิดนี้ บทเรียนที่ควรถอดให้ได้คือแทนที่จะกำจัดอย่างไร้ทิศทาง ควรเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ โดยหาทาง ใช้ประโยชน์ อย่างเป็นระบบ

ปลาหมอคางดำอาจไม่หรูหราเหมือนแซลมอน ไม่หวานละมุนแบบปลากะพง แต่ในวันที่เงินเฟ้อเบียดชีวิตจนมุม เราอาจต้องหันมามองสิ่งที่เคยเมิน และใช้สติปัญญาแปรรูปมันให้กลายเป็น “ทุน” ที่มีค่าทั้งต่อชีวิต ต่อเกษตรกรรม และต่อระบบนิเวศ

หมายเหตุ : นี่เป็นแนวคิดในกำจัดปลาด้วยการนำไปใช้ประโยชน์ มิได้ต้องการสนับสนุนให้ขยายการเลี้ยงหรือแอบเพาะเลี้ยงในบ่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย