นักวิชาการชี้ “ลักลอบนำเข้า” เป็น ต้นเหตุสำคัญ สัตว์ต่างถิ่นระบาดในไทย

0

เรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามเงียบที่คืบคลานเข้าสู่ระบบนิเวศของชาติจากการระบาดของสัตว์น้ำต่างถิ่น หรือ “เอเลียนสปีชีส์” ซึ่งต้นตอหรือที่มาของปัญหาไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่เป็นความหละหลวมของมนุษย์เองทำให้เกิดเหตุอย่างที่เราเห็นในกรณีของปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากรากปัญหาที่เรื้อรังมานาน นั่นคือการลักลอบนำเข้า

ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ปัญหาการนำเข้าสัตว์น้ำแปลกปลอมดำเนินมาอย่างยาวนานนับสิบปี แม้จะมีการพูดถึงการควบคุม แต่ในทางปฏิบัติ กฎหมายและกระบวนการบังคับใช้กลับเต็มไปด้วย ช่องโหว่ ที่กลายเป็นทางด่วนให้ขบวนการผิดกฎหมายสามารถทะลุทะลวงเข้ามาได้

การที่ผู้เชี่ยวชาญต้องออกโรงเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายและเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเป็นรูปธรรม ก็เป็นเครื่องยืนยันว่ากลไกการป้องกันของเรายังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอเกินกว่าจะรับมือกับภัยร้ายนี้ได้ ต่างจากประเทศที่มีความเคร่งครัดอย่างออสเตรเลีย ซึ่งมีมาตรการที่เข้มงวดถึงขั้นห้ามผู้โดยสารนำแม้แต่ผลไม้สดติดเข้าประเทศ

ความเข้มแข็งของกฎระเบียบคือปราการด่านแรกที่สำคัญมาก แต่เมื่อปราการนี้อ่อนแรง ปัญหาก็ย่อมบานปลายจนยากจะเยียวยา นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว สิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังคือ ความรับผิดชอบและจิตสำนึก ของภาคประชาชน

ดร.สุชนา ย้ำถึงความสำคัญของการตระหนักรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ประกอบการและผู้เลี้ยงปลาสวยงาม หากธุรกิจไม่เป็นไปตามคาดหวัง และตัดสินใจนำสัตว์น้ำต่างถิ่นเหล่านั้นไปปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือหายนะทางระบบนิเวศ

ความจริงที่ต้องยอมรับจากประสบการณ์กว่าสองทศวรรษของผู้เชี่ยวชาญคือ เมื่อใดก็ตามที่เอเลียนสปีชีส์หลุดรอดเข้ามาและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้แล้ว ไม่เคยมีประเทศใดในโลกที่สามารถกำจัดมันให้หมดสิ้นไปได้ พวกมันจะเติบโต ขยายพันธุ์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบอย่างรวดเร็วจนเกินความสามารถในการจัดการให้หมดไป การใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อไล่ล่ากำจัดจึงเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

ดังนั้น การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจึงเป็นทางออกที่ดูสมเหตุสมผลที่สุด ปลาเหล่านี้ก็คือแหล่งโปรตีนที่มีคุณค่า เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อกำจัดสิ่งที่เราสามารถนำมา ใช้ประโยชน์ ได้ แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศทั่วโลกเลือกที่จะอยู่ร่วมกับสัตว์ต่างถิ่นและหาวิธีควบคุมผ่านการใช้ประโยชน์ เช่น สหรัฐอเมริกาที่ส่งเสริมการจับและบริโภคปลาสิงโตเพื่อควบคุมจำนวน การนำเอาวัฒนธรรมการบริโภคมาเป็นเครื่องมือควบคุมนับเป็นแนวทางที่ชาญฉลาดและปฏิบัติได้จริง ซึ่งประเทศไทยเองก็ควรนำมาปรับใช้กับสัตว์น้ำรุกรานของเราเช่นกัน

หากไม่สามารถอุดช่องโหว่เรื่องการลักลอบนำเข้าได้อย่างเด็ดขาดตั้งแต่ต้นทาง และยังไม่สามารถปลุกจิตสำนึกความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงภัยคุกคามนี้ ปัญหาเอเลียนสปีชีส์ก็จะยังคงเป็นบาดแผลที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศต่อไป ภารกิจหลักในการหยุดยั้งปัญหาจึงตกอยู่กับ ภาครัฐ ที่ต้องใช้ความกล้าหาญทางกฎหมายและความจริงจังในการยุติการลักลอบนำเข้าให้ได้โดยเร็วที่สุด.