ทรีนีตี้ แนะจัดพอร์ตหุ้นเดือนก.ค. แบบผสมผสาน เน้นหุ้น Growth

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

“ทรีนีตี้” แนะจัดพอร์ตลงทุนหุ้นเดือนก.ค.แบบผสมผสานให้น้ำหนักหุ้น Growth เป็นหลัก เน้นหุ้นส่งออกและหุ้นได้ประโยชน์จากโควิด-19 ทั้งโลจิสติกส์-แพคเกจจิ้ง ผสมด้วยหุ้น Value ในกลุ่มการเงิน ที่ราคาลงมาต่ำจนมี Downside ที่จำกัด พร้อมคัด 15 หุ้นน่าลงทุน

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงต้นไตรมาส 3 ปี 2564 มองว่าดัชนีจะแกว่งตัวในลักษณะ Sideways โดยประเมินกรอบดัชนีที่ระดับ 1,550-1,650 จุด ขณะที่ปัจจัยที่จะเข้ามากระทบการลงทุนในช่วงเดือน ก.ค.ยังคงให้น้ำหนักกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเริ่มมีสัญญาณชี้ให้เห็นถึงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ต่างๆ ทั่วโลก จนอาจนำไปสู่ความกังวลต่อประสิทธิผลของวัคซีนได้ ส่วนการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก คาดว่าจะยังไม่มีข่าวร้ายใดๆ ออกมาในเดือนนี้ ซึ่งจะทำให้ปัจจัยสภาพคล่องในตลาดมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดีต่อไป

“ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำให้นักลงทุนใช้ระดับดัชนี 1,600 จุดเป็นแกนกลางแบ่งครึ่งในการลงทุน หากดัชนีปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,600 จุดขึ้นไปให้เน้นทางขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเข้าใกล้แนวต้านที่ 1,650 จุด ในทางกลับกัน หากดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า  1,600 จุดลงมาให้เน้นทางซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเข้าใกล้แนวรับที่ 1,550 จุด”

สำหรับการจัดสรรพอร์ตลงทุนนั้น อยากแนะนำเน้นไปทางหุ้น Growth มากกว่า Value ในเดือนนี้ เพราะมีโอกาสสูงที่จะปรับตัว Outperform จากเหตุผลดังต่อไปนี้ 1. เป็นหุ้นกลุ่มที่ทนทานและได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงรุนแรง 2. เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Bond yield ระยะยาวที่ยังคงทรงตัวต่ำ จากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลง และประเด็น QE Tapering ที่ยังไม่น่าจะถูกส่งสัญญาณออกมาในเดือนนี้ และ 3. เป็นกลุ่มที่มัก Outperform ในช่วงที่ความชัน Yield curve อยู่ในระดับต่ำ

​นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่ม Growth จะมีอัตราการเติบโตของกำไรแข็งแกร่งเป็นพิเศษ โดยให้เลือกหุ้นที่ทนทานต่อเหตุการณ์โควิด-19 ในประเทศ ซึ่งมีกลุ่มที่น่าสนใจดังนี้คือ กลุ่มส่งออก ที่ส่วนใหญ่จะมีผลประกอบการไตรมาส 2 อยู่ในเกณฑ์ดี ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท และได้ประโยชน์จากพฤติกรรม WFH ในต่างประเทศ โดยมีหุ้นให้เลือก คือ KCE, TFG, ASIAN, SUN, XO  กลุ่มโลจิสติกส์ แนะนำ LEO เพราะราคาปัจจุบันยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ทางทรีนีตี้ให้ไว้ เลือก WICE ในฐานะเป็นผู้เล่นที่มีสัดส่วนธุรกิจขนส่งทางอากาศและทางทะเลในที่ใกล้เคียงกัน และSONIC ในฐานะที่มี Valuation น่าสนใจที่สุด   กลุ่ม Packaging  เนื่องจากดีมานด์ที่มีต่อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากนัก อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากพฤติกรรม New normal การสั่งสินค้าออนไลน์ และDelivery ต่างๆ รวมไปถึงได้ประโยชน์จากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง เลือก SCGP, SFT, SFLEX, UTP

“นอกจากหุ้นในกลุ่ม Growth แล้ว การผสมผสานพอร์ตในเดือนนี้ด้วยหุ้นกลุ่ม Value เล็กน้อยอาจเป็นเรื่องดี เนื่องจากระหว่างทาง นักลงทุนอาจมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อการเปิดเมือง/เปิดประเทศ หากสถานการณ์โควิด-19 มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น มองกลุ่มหุ้น Value ที่ไม่ได้อิงราคาโภคภัณฑ์เช่นกลุ่มสถาบันการเงินเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ จากการที่ Valuation ในปัจจุบันลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำมากแล้ว” นายณัฐชาต กล่าว

สำหรับหุ้น Value ในกลุ่มการเงินที่แนะนำ คือ 1. KBANK ที่กำลังจะประกาศผลประกอบการ ซึ่งผลดำเนินงานไตรมาส 2 คาดว่าจะออกมาไม่แย่มากนักเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  2. MTC ซึ่งคาดหวังกำไรไตรมาส 2 ขยายตัวเป็นบวกทั้งเมื่อเปรียบเทียบไตรมาสก่อนหน้า( QoQ ) และเปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน( YoY ) รวมถึงได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำ และ 3. BAM หลังตัวหุ้นปลอดแรงขายการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน จากการถูกถอดออกจากดัชนี SET50 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว