บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าตามเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่องในหลายกิจกรรมสู่การเป็น “องค์กรคาร์บอนต่ำ” เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิตลงตามเป้าหมาย 25% ในปี 2568 เทียบกับปีฐาน 2558 สร้างความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ตลอดจนรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมของมวลมนุษยชาติและโลกใบนี้อย่างยั่งยืน
ล่าสุด ซีพีเอฟ ได้รับมอบประกาศนียบัตรจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ในงาน “ร้อยดวงใจ ร่วมใจลดโลกร้อน” ประจำปี 2563 จากการมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนจกในรูปแบบต่างๆ เช่น กิจกรรมชดเชยคาร์บอน เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์และฉลากลดโลกร้อน โดยซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ร่วมกิจกรรมดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน ประกอบด้วย อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ เพื่อสร้างสรรค์คุณค่าจากการดำเนินธุรกิจให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อบริษัทฯ และร่วมแก้ไขปัญหาสังคม ตอบสนองต่อนโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยสู่การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ถูกใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด และยังดำเนินการควบคู่ไปกับการปกป้องฟื้นฟูป่าชายเลนและป่าต้นน้ำที่สำคัญของประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ เพื่อรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันยังเป็นการการรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความรับผิดชอบในการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคในชีวิตประจำวันและการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ซีพีเอฟ บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2562 แล้ว 15% เทียบกับปีฐานปี 2558 ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้เดิมในปี 2563 และยังเดินหน้าลดต่อเนื่องตามเป้าหมาย 25% ในปี 2568 จากโครงการต่างๆ เช่น ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำตลอดกระบวนการผลิต ลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่จำเป็นตลอดห่วงโซ่คุณค่า สนับสนุนการนำทรัพยากรทุกส่วนไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยไม่เหลือทิ้ง เป็นต้น
นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังคงดำเนินธุรกิจตามทิศทางและเป้าหมายความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ปี 2573 สู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกด้านความยั่งยืน คือ การมุ่งสู่การเป็นองค์กร Zero Waste ลดขยะและของเสียให้เป็นศูนย์ และการมุ่งสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral
นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ กล่าวว่า การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์และฉลากลดโลกร้อน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในโครงการ CPF Green Revenue ตอกย้ำว่ารายได้ของบริษัทมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) เพิ่มขึ้นทุกปี จากผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือได้รับรองฉลากสิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
ซีพีเอฟ มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ผลิตภัณฑ์อาหารไก่เนื้อของบริษัทฯ 6 รายการ ได้รับฉลากลดโลกร้อน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการลดการใช้วัตถุดิบและพลังงานได้ 77,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า (ปี 2019) หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1,280,000 ต้น ซึ่งอาหารสัตว์ของซีพีเอฟ นอกจากจะให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการของสัตว์แล้ว ยังคำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ซอสพริก และซอสมะเขือเทศยังได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ รวม 8 รายการ และยังเป็นปีแรกที่มีการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล รักษ์โลก ในรูปแบบการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับศูนย์ หรือ “Carbon Neutral Event” สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 13 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ 220 ต้น เสื้อวิ่งที่ทำมาจากขยะขวดพลาสติกใช้แล้ว จำนวน 22,000 ขวด มาผลิตเป็นเสื้อวิ่ง 2,200 ตัว