บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญสูงสุดในการผลิตอาหารปลอดภัย ควบคู่กับการดูแลสวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค สอดคล้องกับมาตรฐานสากลตามแนวทางการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน
นสพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองกรรมการผู้จัดการ ด้านมาตรฐานฟาร์มและข้อกำหนดลูกค้า ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านอาหาร และคำนึงถึงสวัสดิภาพของสัตว์ก่อนนำมาเป็นวัตถุดิบอาหาร รวมทั้งหลักสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) คือ “สุขภาพคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม” ซีพีเอฟ ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ยึดมั่นในหลักสวัสดิภาพสัตว์ นำหลักอิสรภาพสัตว์ 5 ประการ (Five Freedoms of Animals) มาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ มาเป็นหลักปฏิบัติในการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม ทั้งไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ด สุกร และสัตว์น้ำ อย่างเคร่งครัด โดยดูแลคุ้มกันไม่ให้เกิดความรู้สึกกลัวและอยู่ในภาวะเครียด ให้สัตว์อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เติบโตอย่างเหมาะสม ได้รับอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติอย่างอิสระ ควบคู่การเลี้ยงสัตว์ในโรงเรือนระบบปิดที่มีการบริหารจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมยกระดับการป้องกันและควบคุมโรคตามมาตรฐานสากล ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพที่ดีของสัตว์ ทำให้ได้เนื้อสัตว์ปลอดภัย
“ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร และผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิต ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่มีส่วนสำคัญยิ่งในการผลักดันความมุ่งมั่นดังกล่าว บริษัทฯ มีการวัดผลการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ (Welfare Outcome Measures : WOMs) ทั้งในประเทศไทยและกิจการต่างประเทศ เพื่อประเมินว่าสัตว์ได้รับสวัสดิภาพสัตว์ขั้นสูง โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยหลัก ทั้งอัตราการเลี้ยงรอด อัตราการเติบโต อัตราการสูญเสีย ปริมาณและคุณภาพซาก การแสดงออกพฤติกรรมทางธรรมชาติ ซึ่งสัตว์ที่ได้รับสวัสดิภาพขั้นสูงจะสัมพันธ์กับลักษณะทางกายภาพ อารมณ์ และพฤติกรรมที่ดี ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อส่งมอบอาหารปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค” น.สพ.พยุงศักดิ์ กล่าว
สำหรับ ฟาร์มไก่เนื้อ บริษัทฯ ริเริ่มใช้หลักสวัสดิภาพสัตว์ในการเลี้ยงไก่เนื้อมานานกว่า 33 ปี นับตั้งแต่ปี 2532 โดยการเลี้ยงไก่เนื้อแบบปล่อยอิสระไม่ขังกรง (Cage free) นำเทคโนโลยีโรงเรือนระบบปิดปรับอากาศด้วยการระเหยของน้ำ หรือ โรงเรือนระบบอีแวป (EVAP : Evaporative Cooling System) และอุปกรณ์อัตโนมัติมาใช้เป็นรายแรกสำหรับธุรกิจไก่เนื้อครบวงจร ในภูมิภาคอาเซียน ช่วยให้ไก่มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย พร้อมทั้งเดินหน้าใช้เทคโนโลยี Smart Farm มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มไก่เนื้อ ด้วยการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ ระบบอัตโนมัติในการประมวลผลข้อมูลในฟาร์ม ช่วยควบคุมการจัดการฟาร์ม เพื่อให้ไก่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและเหมาะสมตลอดการเลี้ยง อีกทั้งสร้างเสริมให้ไก่มีความสุขด้านจิตใจ จากการแสดงออกพฤติกรรมธรรมชาติ มีการเสริมสภาพแวดล้อมทางกายภาพไว้ในโรงเรือน ด้วยลูกบอลสำหรับจิกเล่น และมีถุงบรรจุแกลบวางไว้ให้ไก่ได้ปีนป่าย
นอกจากนี้ ยังนำนวัตกรรมโปรไบโอติก (Probiotics) มาใช้ในอาหารสัตว์ ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ไก่ เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้สัตว์แข็งแรงตามธรรมชาติ มีสุขภาพดี รวมถึงไม่มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโตตลอดการเลี้ยง ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังเป็นภาคเอกชนไทยรายแรกนอกเขตสหภาพยุโรปที่ได้รับรองมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ ACP (Assured Chicken Production) ของประเทศอังกฤษ ทำให้ไก่ไทย ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก อย่างในสหภาพยุโรป อังกฤษ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ล่าสุด สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย และซาอุดีอาระเบีย ได้เปิดตลาดรับไก่เนื้อจากไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน ธุรกิจไก่เนื้อ เลี้ยงไก่โดยไม่ตัดจะงอยปาก (No Breaking Trimming) 100% นอกจากนี้ ยังมีไก่ไข่ที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระ (cage-free farm) ในโรงเรือนระบบปิด ซึ่งเป็นการเลี้ยงตามแนวทาง Biosecurity Hi-Tech Farming
ในส่วนของ ธุรกิจสุกร มีการเลี้ยงสุกรตามหลัก 3’Ts (No Testicles, No Teeth Clipping and No Tail Docking) ทั้งกิจการในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยกิจการในสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ยกเลิกการตัด/กรอฟันลูกสุกรแล้ว 100% ตั้งแต่ปี 2562 ขณะที่กิจการในไทยได้ยกเลิกการตัดใบหูลูกสุกรไปแล้วกว่า 69% ของลูกสุกรทั้งหมด
สำหรับธุรกิจสัตว์น้ำ ยกตัวอย่างการเลี้ยงแม่พันธุ์กุ้ง ซีพีเอฟใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพทดแทนในธุรกิจเพาะฟักและอนุบาลลูกกุ้ง ทำให้แม่พันธุ์กุ้งสามารถสร้างและวางไข่ได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องตัดก้านตา (Female Non Eyestalk Ablation) เป็นต้น