คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จัดงานวันงดสูบบุหรี่โลก 2568 เตือนภัย บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นปัจจุบันมีสารนิโคตินสูงกว่าบุหรี่มวนหลายเท่า เสพติดง่ายกว่า เลิกยากกว่า และทำลายสมองมากกว่า ย้ำชัดทุกภาคส่วนร่วมปกป้องเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกภายใต้หัวข้อ ““กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า: นิโคติน เสพติด จน ตาย” พร้อมทั้งประกาศเจตนารมณ์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีไม่สนับสนุนการใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ ย้ำชัดเด็กและเยาวชนไม่ควรเป็นเหยื่อธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า
พ.ต.ท. ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฏหมาย มีบทลงโทษทางกฏหมายในทุกกรณี ทั้งผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้นำเข้า ผู้ครอบครอง และผู้สูบ มีโทษทั้งจำคุกและปรับ ไม่มีพื้นที่ใดที่สามารถขายและสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกกฏหมาย ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องเด็กและเยาวชนที่เป้าหมายสำคัญของธุรกิจบริษัทบุหรี่ไฟฟ้า หากพบเห็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฏหมายสามารถแจ้งไปที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง โทร. 1599
ด้าน รศ.ดร.พญ. เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน และรองประธานคณะทำงานนักศึกษารามาธิบดีปลอดบุหรี่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ บริษัทบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็กและเยาชน โดยแปลงร่างบุหรี่ไฟฟ้าให้ดูเหมือนของใช้ในชีวิตประจำวัน ปรับเป็นรูปแบบ “พอดจมูก” หรือบุหรี่ไฟฟ้าที่สูบทางจมูก แทนการสูดควันทางปาก และมีปริมาณนิโคตินบุหรี่ไฟฟ้าสูงมาก ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้า 1 แท่งมีนิโคตินเทียบเท่ากับบุหรี่มวนถึง 1,000 มวน นอกจากนี้บุหรี่ไฟฟ้าเสพติดง่ายกว่า เลิกยากกว่า และทำลายสมองมากกว่าบุหรี่มวน ยิ่งเป็นเด็กและเยาวชนแล้ว ถ้าได้รับนิโคติน ในขณะที่สมองกำลังเจริญเติบโต สมองจะถูกทำลาย เกิดปัญหาด้านสมอง เช่น ความจำไม่ดี เรียนไม่รู้เรื่อง และมีปัญหาทางด้านอารมณ์ตามมา เช่น ซึมเศร้า หงุดหงิด ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ โดยพบว่าร้อยละ 53 ของวัยรุ่นไทยที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีภาวะซึมเศร้า และมีอีกหลายกรณีที่เยาวชนของเราได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแม้จะเริ่มใช้ไม่นาน เช่นกรณีล่าสุดเยาวชนไทยที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่เกิน 1 ปี พบป่วยปอดอักเสบรุนแรงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า (EVALI) ทั้งปอดและหลอดลมพัง จนต้องใส่ท่อหายใจ จึงอยากจะขอให้เยาวชนด้วยกันเองเป็นกระบอกเสียงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และไม่ชักชวนกันให้ริเริ่มบุหรี่ไฟฟ้า อย่าตกเป็นเหยื่อสิ่งเสพติดที่อันตรายนี้
เช่นเดียวกับ คุณดาลัด รยะสวัสดิ์ ผู้อำนวยการเผยแพร่วิชาการและพัฒนาเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้า เสี่ยงต่อการใช้สิ่งเสพติดอื่นๆตามมา ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนระดับมัธยมและเทียบเท่าในพื้นที่ภาคใต้ ปี 2567 พบว่าว่าเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีการใช้สารเสพติดอื่นๆ เช่น กัญชา ยาบ้า สุรา สี่คูณร้อย (สารเสพติดที่เริ่มแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่น เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมหลัก 4 อย่าง คือ น้ำต้มใบกระท่อม น้ำอัดลมประเภทโคล่า ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของโคเดอีน และยากันยุง) ในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มเยาวชนที่ไม่เคยสูบหรือไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้นการร่วมปกป้องเด็กเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะจะช่วยป้องกันปัญหาสิ่งเสพติดอื่นๆที่จะตามมาในกลุ่มเยาวชน พร้อมทั้งอยากให้ช่วยกันเผยแพร่ไปในวงกว้างให้เข้าใจว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฏหมายในทุกกรณี หากฝ่าฝืนจะได้รับโทษหนักมีทั้งโทษจำคุกและปรับในอัตราที่สูง

ด้าน ครูผุสชา พวงจันทร์ หัวหน้างานป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งเสพติด เอดส์และอบายมุข ของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 กล่าวว่า โรงเรียนถือว่าเป็นสถานศึกษาของกลุ่มเด็กและเยาวชน หากโรงเรียนมีมาตรการและนโยบายที่ชัดเจนในการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้า จะช่วยลดความชุกนักสูบหน้าเก่าและนักสูบหน้าใหม่ได้ การดำเนินงานจะเกิดประสิทธิภาพจะต้องร่วมมือกันทั้งโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน โดยโรงเรียนมีแนวทางในการดำเนินงานตาม 7 มาตรการป้องกัน ควบคุมและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ดังนี้ 1. กำหนดนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่ 2. บริหารจัดการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ 3. จัดสภาพแวดล้อมตามกฎหมายโรงเรียนปลอดบุหรี่ 4. สอดแทรกเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในการจัดการเรียนรู้ 5. นักเรียนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนโรงเรียนปลอดบุหรี่ 6. ดูแลช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้สูบบุหรี่ และ 7. มีกิจกรรมร่วมระหว่างนักเรียนกับชุมชน ซึ่งการจะดำเนินงานตาม 7 มาตรการนี้จะต้องมีนโยบายที่สอดคล้องกันไป ซึ่งโรงเรียนมีนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 10 ข้อ ดังนี้ 1. ห้ามมิให้ผู้ใดสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ภายในบริเวณโรงเรียนและประตูหน้า-หลัง ทางเข้าออกรัศมี 5 เมตร รวมทั้งห้ามดื่มแอลกอฮอล์ภายในโรงเรียนเด็ดขาด ทั้งในและนอกเวลาราชการ รวมถึงการเข้ามาใช้สถานที่ของบุคคลภายนอกในการจัดกิจกรรมหรือจัดงานตามประเพณี 2. โรงเรียนสนับสนุนการดำเนินการตาม 7 มาตรการข้างต้น และสนับสนุนกิจกรรมเครือข่ายเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3. โรงเรียนสนับสนุนให้บุคลากรเป็นแบบอย่างที่ดีไม่สูบบุหรี่ทุกรูปแบบ 4. โรงเรียนสนับสนุนการพิจารณารับพนักงาน หรือลูกจ้าง หรือผู้ประกอบการร้านค้า ที่ไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชาและดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาทำงานในโรงเรียนเป็นอันดับแรก 5. โรงเรียนสนับสนุนให้มีมาตรการป้องกันไม่ให้มีผู้สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีการอบรมให้ความรู้นักเรียนใหม่ทุกราย 6. โรงเรียนสนับสนุนให้มีกระบวนการช่วยเหลือนักเรียนที่ยังเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ โดยการแสดงตัวว่าเป็นสูบเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือ ลด ละ เลิก โดยเจ้าหน้าที่จากศูนย์สาธารณสุข 7. โรงเรียนสนับสนุนการสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองนักเรียน ชุมชนรอบโรงเรียน ในการสร้างค่านิยมการไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชาและดื่มแอลกอฮอล์ในที่ห้ามสูบ สนับสนุนบ้านปลอดบุหรี่และที่สาธารณะในชุมชน 8. โรงเรียนสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเครือข่ายชุมชน และนักเรียนแกนนำให้ร่วมมือแก้ปัญหาบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชาและดื่มแอลกอฮอล์ 9. โรงเรียนสนับสนุนการดำเนินงานและจัดตั้งชมรม Gen Z Strong เลือกไม่สูบ ในโรงเรียนเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นแกนนำในการเผยแพร่ความรู้ด้านโทษภัยของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ชุมชน เครือข่ายฯ และโรงเรียนต่างๆ และ10. โรงเรียนสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พว.ปริศนา ภู่สุวรรณ์ พยาบาลประจำคลินิกเลิกบุหรี่ งานการพยาบาลสนับสนุนการรักษา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้แนวทางการเลิกบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า โดยใช้หลัก STAR และแนวทางจัดการเพื่อลดความอยากสูบและป้องกันการสูบซ้ำ ด้วยหลัก 5D โดยกล่าวว่า หลัก STAR S = Set a quit date กำหนดวันเลิกสูบบุหรี่ (ควรภายใน 2 สัปดาห์) เพื่อวางแผน หาวิธีที่จะเอาชนะอุปสรรค ความเคยชิน เพื่อกำหนดวันได้ ควรบันทึกไว้ และลงมือทำการเลิกบุหรี่เมื่อถึงวันที่กำหนด T = Tell family/friend บอกคนในครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อให้กำลังใจ สนับสนุนในการเลิกบุหรี่ อดทน ไม่โกรธ ถ้าช่วงเลิกตนมีอาการหงุดหงิดโมโหง่าย ไม่ล้อเลียน หรือยั่วยุให้สูบบุหรี่ A = Anticipate potential problem คาดเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ปัญหาล่วงหน้าที่จะกระตุ้นทำให้กลับไปสูบบุหรี่ โดยหาแนวทางจัดการหรือป้องกัน โดยใช้ หลัก 5D R = Remove equipment จำกัดอุปกรณ์การสูบบุหรี่ออกให้หมดทั้งที่บ้านและที่ทำงาน สำหรับหลัก 5D เพื่อลดความอยากสูบและป้องกันการสูบซ้ำ : Delay ชะลอความอยากสูบ ไม่สูบบุหรี่ทันที เลื่อนหรือยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด (ในช่วงที่ทยอยลดปริมาณการสูบ) Deep breathing สูดลมหายใจเข้า-ออก ลึกๆยาวๆ 5-10 ครั้ง (โดยเฉพาะเวลาเครียด/หงุดหงิด) Deep water จิบ/ดื่มน้ำเปล่าเป็นระยะตลอดวัน Do something else หากิจกรรมอื่นแทนการสูบบุหรี่ เพื่อเปลี่ยนความเคยชินแบบเดิมๆ เช่น หลังตื่นนอน ลุกจากที่นอนทันที รีบล้างหน้า แปรงฟัน ตื่นเช้ากว่าปกติ ดื่มน้ำช้าๆ และDestination คิดถึงเป้าหมายว่าเราตั้งใจเลิกบุหรี่แล้ว เพื่ออะไร หากยังลังเลและไม่แน่ใจว่าจะเลิกบุหรี่ได้สำเร็จหรือไม่ สามารถมารับคำปรึกษาที่คลินิกเลิกบุหรี่ โรงพยาบาลรามาธิบดี โทร 02-2004048