ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน, นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ลงพื้นที่ไปติดตามผลความคืบหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เร่งสร้างความมั่นคงด้านน้ำในลุ่มน้ำน่าน เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนให้กับชาวอุตรดิตถ์ได้มีน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร
รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตรให้กับประชาชนที่ย้ายมาจากการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ บริเวณนิคมลำน้ำน่าน อำภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง
กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีแล้วเสร็จเมื่อปี 2563 มีความจุ 73.70 ล้านลูกบาศก์เมตร และปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบส่งน้ำมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 60 หากดำเนินการแล้วเสร็จ มีพื้นที่รับประโยชน์ 53,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 9 ตำบล ได้แก่ ตำบลจริม ตำบลน้ำหมัน ตำบลหาดล้า ตำบลท่าปลา และตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา ตำบลวังดิน ตำบลบ้านด่าน ตำบลแสนตอ และตำบลหาดงิ้ว อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ และยังเป็นแหล่งแพร่ขยายพันธุ์ปลาน้ำจืด เพื่อสร้างรายได้เสริมแก่ประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับงานก่อสร้างระบบส่งน้ำ ถึงแม้จะยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ แต่ขณะนี้สามารถส่งน้ำไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์แล้วประมาณ 17,600 ไร่ อาทิ สระวัดประชาธรรม สระวัดห้วยอ้อย สระเก็บน้ำท่าวังโป่ง สระเก็บน้ำโรงพยาบาลท่าปลา เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้สั่งการเจ้าหน้าที่เข้าไปอธิบายวิธีการควบคุม และเปิด-ปิด อุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบท่อส่งน้ำ ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำและเน้นย้ำให้ประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเข้ามาพัฒนาอาชีพ ยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผนแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIMP) รวมทั้งปรับแผนงานก่อสร้างระบบส่งน้ำให้แล้วเสร็จสมบูรณ์เร็วขึ้นอีก 1 ปีคือในปี 2567 เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ
ส่วนโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่าน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำน่านตอนล่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบันการก่อสร้างเขื่อนทดน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบส่งน้ำซึ่งมีความคืบหน้าแล้วร้อยละ 35 หากดำเนินแล้วเสร็จ จะสามารถส่งน้ำได้ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อำเภอตรอน และอำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอพรหมพิราม และอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก รวมพื้นที่ชลประทานได้มากถึง 481,400 ไร่ ประกอบด้วย ระบบคลองส่งน้ำฝั่งขวา มีพื้นที่ชลประทาน รวม 275,700 ไร่ และระบบคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย มีพื้นที่ชลประทาน รวม 205,700 ไร่
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่และผู้รับจ้างร่วมกันแก้ไขปัญหาจุดที่เป็นฟันหลอ 3 จุดในคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย โดยตั้งเป้าหมายในปี 2565 จะสามารถส่งน้ำให้กับเกษตรกรได้ใช้ประโยชน์จากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ตลอดช่วงความยาว 50 กิโลเมตร หากดำเนินการก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายและขวาแล้วเสร็จสมบูรณ์ จะช่วยให้พื้นที่เป้าหมาย มีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต