เมืองแปดริ้ว ร่วมกับ ซีพีเอฟ ปล่อยปลานักล่า 10,000 ตัวสร้างสมดุลระบบนิเวศตามโมเดล “กิน คุม ฟื้น”

0

จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยสำนักงานประมงจังหวัด ร่วมกับอำเภอบางปะกง องค์การบริหารส่วนตำบลสองคลอง ชุมชนในพื้นที่ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างจริงจัง ภายใต้โมเดล “กิน คุม ฟื้น” ผ่านกิจกรรมปล่อยลูกปลากะพงขาวขนาด 4–5 นิ้ว จำนวนกว่า 10,000 ตัว ลงในแม่น้ำบริเวณท่าน้ำวัดไตรสรณาคม ใช้ “ปลานักล่า” เป็นกลไกทางธรรมชาติในการควบคุมประชากรปลาต่างถิ่นที่แพร่พันธุ์รวดเร็ว

นายคนึง คมขำ ประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า โมเดล “กิน คุม ฟื้น” เป็นแนวทางที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริงและสร้างคุณค่าได้ โดยไม่เพียงช่วยลดประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่ 4 อำเภอ แต่ยังส่งผลเชิงบวกต่อการฟื้นฟูสมดุลระบบนิเวศ ขณะเดียวกันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและสร้างรายได้ให้กับประชาชนผ่านการจับปลาขึ้นมาบริโภคและจำหน่าย

การปล่อยปลานักล่า เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเชิงรุกที่ดำเนินควบคู่กับกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ด้วยการระดมพลังชุมชนร่วมจับปลาหมอคางดำในคลองสายต่างๆ อย่างเป็นระบบ ผลลัพธ์ที่ได้เริ่มเห็นชัดเจน ลูกปลาหมอคางดำตัวเล็กลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปลาพื้นถิ่น เช่น ปลาตะเพียนขาว ปลานิล และปลาเกล็ดขาว เริ่มกลับคืนมาในแม่น้ำ ซึ่งถือเป็น “ดัชนีธรรมชาติ” ที่สะท้อนถึงการฟื้นตัวของระบบนิเวศ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังสามารถจับปลากะพงที่เคยปล่อยไปก่อนหน้านี้ขึ้นมาบริโภคและจำหน่าย เพิ่มรายได้และเสริมความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือน

“สิ่งสำคัญคือการสร้างความตระหนักให้ชาวฉะเชิงเทราเห็นว่า การแก้ปัญหาปลาหมอคางดำไม่ใช่เพียงการกำจัด แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง การนำปลามาบริโภคหรือจำหน่ายเป็นกลไกช่วยควบคุมปริมาณให้ลดลงอย่างยั่งยืน พร้อมกับฟื้นจำนวนปลาพื้นถิ่นไปด้วยกัน” นายคนึงกล่าว

นอกจากนี้ การดำเนินกิจกรรมลดจำนวนประชากรปลาหมอคางดำของประมงจังหวัดฉะเชิงเทราได้รับแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ชุมชนท้องถิ่น และองค์กรเอกชน โดยเฉพาะบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่ได้สนับสนุนพันธุ์ปลากะพงขาว พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์จับปลาและวัสดุที่จำเป็นสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

มาตรการ “กิน คุม ฟื้น” ของฉะเชิงเทรานับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้วิถีธรรมชาติและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำเกิดผลอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการเปลี่ยน “ปัญหา” ให้เป็น “โอกาส” ช่วยสร้างสมดุลทางระบบนิเวศ ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับคนในชุมชน.