ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด–เศรษฐกิจซบ–แรงงานต่างชาติหาย สมาคมฯ ผนึกกำลัง 6 ภูมิภาคเดินหน้ามาตรการคู่ขนาน ทั้งขายหมูราคาพิเศษ ตัดวงจรลูกสุกร เก็บหมูเข้าห้องเย็น และจำกัดน้ำหนักเข้าเชือด หวังดึงตลาดกลับสู่สมดุล
ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันเหลือเพียง 52-64 บาท/กก.กำลังกลายเป็นปัญหาที่สร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ ล่าสุด นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ออกมาตรการเร่งด่วนหลายด้านเพื่อสร้างเสถียรภาพตลาด
นายสิทธิพันธ์เปิดเผยว่า ภาวะราคาหมูตกต่ำครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงต่อเนื่อง การหดตัวของภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมถึงการที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ ส่งผลให้การบริโภคลดลง ขณะที่ฝนตกยาวนานยิ่งทำให้การจับจ่ายไม่คึกคัก ผลที่ตามมาคือปริมาณสุกรมีมากเกินความต้องการบริโภค ราคาขายหน้าฟาร์มตกต่ำลงจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรจำนวนไม่น้อยเริ่มประสบภาวะขาดทุน

สมาคมฯ จึงวางมาตรการสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การจัดกิจกรรม หมู 2 โล 100 เพื่อกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะจัดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อเร่งลดปริมาณสุกรในตลาด ได้แก่ โครงการตัดวงจรลูกสุกร นำมาทำหมูหันทันทีจำนวน 100,000 ตัว เพื่อลดซัพพลายในช่วง 4 เดือนข้างหน้า การขอความร่วมมือบริษัทผู้เลี้ยง 4 รายใหญ่ให้เก็บหมูเข้าห้องเย็นนาน 6 เดือน เพื่อลดปริมาณเนื้อหมูเข้าสู่ตลาด รวมถึงกำหนดน้ำหนักสุกรเข้าเชือด ตัวละไม่เกิน 110 กิโลกรัม เพื่อชะลอปริมาณเนื้อหมูส่วนเกิน
กิจกรรมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้เลี้ยงสุกร 6 ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดราชบุรีและเขต 7, สหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรชลบุรี, สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคกลางตอนบนเพื่อการค้า, สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ และสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมการค้าภายในและกรมปศุสัตว์
ด้าน น.สพ.นพลิศ เสริมศักดิ์ศศิธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และผู้ประกอบการในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องกิจกรรมหมู 2 โล 100 กล่าวว่า กิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 และ 26 กันยายนนี้ โดยมีจังหวัดราชบุรี และชลบุรีเป็นพื้นที่นำร่อง ก่อนจะทยอยกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ และขยายผลเป็นกิจกรรมใหญ่ทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคม โดยตั้งเป้าจำหน่ายหมูปลอดสารเร่งเนื้อแดงกว่า 100,000 กิโลกรัมพร้อมกันทุกภูมิภาค
“การขายหมูราคาพิเศษเช่นนี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นการบริโภค แต่ยังทำให้ผู้บริโภคมีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ช่วยพยุงชีวิตเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง “ น.สพ.นพลิศกล่าว
สมาคมฯคาดว่าหากมาตรการดังกล่าวดำเนินไปตามแผนจะช่วยลดปริมาณสุกรส่วนเกินในตลาดได้ทันที ขณะเดียวกันกิจกรรมหมูราคาพิเศษจะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้กลับมามีชีวิตชีวา ทั้งหมดนี้จะช่วยคลี่คลายปัญหาและค่อย ๆ ดึงตลาดหมูให้กลับเข้าสู่สมดุลได้ในที่สุด