เป็นเวลานาน 7 ปีแล้วที่โครงการ SET Social Impact GYM ทำหน้าที่เป็นเวทีถ่ายทอดความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการเพื่อสังคมหลายต่อหลายรุ่น รวมทั้งยังเป็นพี่เลี้ยง ด้วยการจัดหาโค้ชมากฝีมือ จากผู้ประกอบการมืออาชีพ และผู้บริหารระดับสูง มาช่วยถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการสังคมที่สมัครเข้าร่วมโครงการนี้
SET Social Impact GYM เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” กับ สมาคมบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมและ บจ. ได้แบ่งปันความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเพื่อสังคม รวมถึงการเปิดโอกาสนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
และสำหรับปีนี้ SET Social Impact GYM 2023 ได้ฤกษ์เปิดเทอมใหม่ จัดอบรมแบบเข้มข้นตลอดเดือนสิงหาคม ถึงตุลาคม ตลอดระยะเวลาโครงการนาน 8 สัปดาห์เต็ม
คุณภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกว่า ปีนี้ โครงการมีความพิเศษตรงที่เพิ่มพันธมิตรใหม่อีก 3 รายที่เข้ามาให้ความร่วมมือ ได้แก่ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่สนับสนุนด้านทุน การแลกเปลี่ยนเครือข่ายการทำงานและร่วมพัฒนาองค์ความรู้, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่จะมาช่วยให้ข้อมูลความรู้การวางแผนเตรียมความพร้อมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเสริมทักษะด้านบริหารจัดการเงินทุนที่ได้มาให้มีประสิทธิภาพ และ บริษัท PwC ประเทศไทย ช่วยให้คำปรึกษาด้านบัญชี กฎหมาย และภาษี
นอกจากนี้ ยังมีโค้ชจิตอาสาที่เป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ ผู้บริหารระดับสูงจากบจ. ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาด เอ็ม เอ ไอ จำนวน 22 คน ที่จะมาร่วมให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดเชิงธุรกิจ ร่วมกันเสริมความแข็งแกร่งของแผนธุรกิจในรูปแบบการโค้ชตัวต่อตัว
สำหรับ ผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่เข้าร่วมโครงการปีนี้ มีจำนวน 9 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการด้านสิ่งแวดล้อม 2 แห่ง ด้านผู้เปราะบาง 3 แห่ง ด้านพัฒนาชุมชน 3 แห่ง และด้านการเกษตร 1 แห่ง ครอบคลุมการสร้างผลลัพธ์ทางสังคมในทุกด้าน
จากความสำเร็จของโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มั่นใจได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการปีนี้ จะได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ได้เรียนรู้ และปฏิบัติจริง เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรุ่นก่อนหน้านี้
โดยตลอดระยะเวลา 7 ปี มีผู้ประกอบการเพื่อสังคมผ่านการอบรมไปแล้วกว่า 80 ราย สามารถแบ่งตามสัดส่วนการสร้างผลลัพธ์ทางสังคม 5 ด้าน คือ 40% เป็นด้านพัฒนาชุมชนและสังคม อีก 60% เป็นด้านสุขภาพ ด้านผู้เปราะบาง ด้านเกษตรและสิ่งแวดล้อม และด้านการศึกษา ที่พร้อมต่อยอดความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมร่วมกัน
ส่วนผู้ประกอบการสังคมที่พลาดโอกาสปีนี้ ไม่ต้องเสียใจ ไว้รอสมัครใหม่ปีหน้า คอยติดตามข่าวสารได้ทาง www.setsocialimpact.com
คุณนายพารวย
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ