สัปดาห์ที่แล้ว “คุณนายพารวย” พูดถึงการวางแผนการเงินในแต่ละช่วงอายุ รวมถึงการวางแผนการเงินล่วงหน้าเพื่อตระเตรียมตัวก่อน/หลังแต่งงาน แต่ถึงแม้ว่าเราจะสามารถออกแบบชีวิตเราเองได้ แต่ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน
หลายคนคิดเรื่องการทำประกันชีวิต เพื่อคุ้มครองตัวเราและครอบครัว จากความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บไข้ได้ป่วย, อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่ไม่ได้คาดคิด อย่างไรก็ตาม เราควรจะศึกษาและทำความเข้าใจกับประเภทของประกันชีวิต เพื่อจะได้เลือกประกันที่ตอบโจทย์และความต้องการของตัวเองได้ดีที่สุด
บทความเรื่อง “ประกันชีวิตแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ” โดยคุณพิชญา ซุ่นทรัพย์, นักวางแผนการเงิน สมาคมนักวางแผนการเงินไทย บนเว็บไซต์ set.or.th ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พูดถึงประกันชีวิตแบบพื้นฐานที่ต้องรู้ และเลือกให้เหมาะกับตัวเอง โดยแบ่งตามลักษณะการคุ้มครองและผลประโยชน์ ออกเป็น 4 แบบประกันหลัก ที่ช่วยปกป้องความมั่งคั่งทั้งชีวิตของเรา
ประกอบไปด้วย 1.ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หรือคุ้มครองหนี้สินในกำหนดเวลา เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินคืนให้หากเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่คนไทยไม่ค่อยนิยมประกันแบบนี้เท่าไร เพราะแม้ว่าจะให้ทุนประกันสูง แต่เบี้ยประกันเป็นแบบจ่ายทิ้ง และไม่ได้เงินคืนตอนครบกำหนดกรมธรรม์
2.ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ เหมาะสำหรับคนที่เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว อยากเหลือมรดกไว้ให้กับลูกหลาน โดยเป็นประกันแบบคุ้มครองตลอดชีพ จ่ายเงินคืนให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินคืนให้ผู้เอาประกันเมื่อผู้เอาประกันมีอายุครบ 99 ปี เบี้ยประกันที่ส่งไม่ใช่แบบจ่ายทิ้ง นอกจากนี้ หากเกิดเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน ก็สามารถขอกู้หรือเวนคืนกรมธรรม์ เพื่อนำเงินออกมาใช้ได้
3.ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นประกันแบบผสมระหว่างการคุ้มครองชีวิตและการออมเงิน บริษัทประกันจะจ่ายเงินคืนให้เมื่อเสียชีวิตหรืออยู่จนครบสัญญา ประกันแบบนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการออมเงินระยะยาว ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าฝากเงินธนาคาร
และ 4.ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ หรือแบบบำนาญ บริษัทประกันจะจ่ายเงินคืนให้เป็นงวดๆ เหมือนกับเงินบำนาญ ตั้งแต่อายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี ไปจนครบสัญญาหรือเสียชีวิต จึงเหมาะกับคนที่อยากเก็บเงินออมไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ ประกันแบบนี้จะมีเบี้ยที่สูงกว่า และความคุ้มครองที่น้อยกว่าประกันชีวิตแบบอื่น เพราะเป็นประกันที่เน้นการออมเงินเป็นหลัก
และเรายังสามารถเลือกทำประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุแบบสัญญาเพิ่มเติม เพื่อให้กรมธรรม์ครอบคลุมค่าห้อง ค่ารักษา ค่าชดเชยรายวัน นอกจากนี้ เบี้ยประกันที่จ่ายไป ยังสามารถนำมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีตอนจ่ายภาษีประจำปีได้อีกด้วย
รู้แบบนี้แล้ว ก็จะช่วยให้เราสามารถเลือกทำประกันชีวิตให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง และความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยประกันได้!