บริษัท ซีพีเอฟ ฟิลิปปินส์ คอร์ปอเรชั่น สานต่อความร่วมมือกับ กระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งฟิลิปปินส์ (Development Bank of the Philippines : DBP) ในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินทุน และความรู้ด้านการจัดการฟาร์มที่ดี รวมถึงการป้องกันโรคให้กับเกษตรกรขนาดกลาง และรายย่อยของฟิลิปปินส์ได้เพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์ ในการยกระดับภาคปศุสัตว์ และการเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ
นายอุดมศักดิ์ อักษรภักดี กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการฟื้นฟูห่วงโซ่การผลิตสุกรในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโรคระบาด ภายใต้โครงการโครงการ “การให้เครดิตเพื่อฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมสุกร” หรือ โครงการ สุกร R3 (Swine Rehabilitation, Repopulation and Recovery Credit” or Swine R3 program) ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2564 เพื่อให้สินเชื่อสนับสนุนเกษตรกรขนาดกลางและรายย่อยในการยกระดับระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในฟาร์มสุกร ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จของโครงการดังกล่าวสู่ภาคการปศุสัตว์ และการเลี้ยงสัตว์น้ำอื่นๆ ทั่วประเทศ
ในปีนี้ หน่วยงานทั้งสามฝ่ายระหว่างกระทรวงเกษตร สถาบันการเงิน และซีพีเอฟอยู่ระหว่างการร่างแผนงาน กำหนดกฎระเบียบ ขอบเขตการดำนินงาน และยุทธศาสตร์สำคัญร่วมกัน นายอุดมศักดิ์ ยังได้อธิบายว่า ซีพีเอฟ ฟิลิปปินส์จะนำองค์ความรู้ นวัตกรรม และความสำเร็จจากโมเดลธุรกิจการเลี้ยงสัตว์บก และสัตว์น้ำ รวมถึง นำรูปแบบโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์แก่เกษตรกรรายย่อย ในประเทศไทยมาประยุกต์ใช้กับการสนับสนุนเกษตรกรชาวฟิลิปปินส์ ในการพัฒนาฟาร์มให้ทันสมัย มีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพช่วยป้องกันการเกิดโรระบาด นำไปสู่การผลิตอาหารปลอดภัย และความมั่นคงทางอาหารให้กับผู้บริโภคภายในประเทศ
“โครงการนี้ช่วยให้เกษตกรรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยการอุดหนุนเงินสินการเกษตร รวมถึงสนับสนุนช่องทางตลาด และให้ความช่วยเหลือ ชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้เกษตรกรฟิลิปปินส์สามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย นำไปสู่การเติบโตของภาคปศุสัตว์อย่างยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ และยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารอีกด้วย” นายอุดมศักดิ์ กล่าว
โครงการสอดคล้องกับหลัก “3 ประโยชน์” สู่ความยั่งยืน ซึ่งเป็นปรัชญาที่บริษัทยึดมั่นและนำไปปรับใช้กับทุกประเทศที่ซีพีเอฟเข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ประโยชน์ของประชาชน ก่อนประโยชน์ขององค์กรและพนักงาน