ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าอาวาสวัดแม่แคมร้องเรียน ผู้รับจ้างของกรมชลประทานได้เข้าแผ้วถางที่ดินของวัดแม่แคม จำนวน 2 แปลง พื้นที่ 5 ไร่ 34 ตารางวา ไม่ได้มีการแจ้งเข้าพื้นที่เป็นหนังสือตั้งแต่เริ่มดำเนินการแต่อย่างใด และการตัดต้นไม้สักในพื้นที่ดังกล่าว โดยไม้ทุกต้นหายไป และการเวนคืนทั้งหมดยังไม่มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าของที่ดิน และยังไม่มีการทำผาติกรรมยกเลิกกฤษฎีกาที่ดินสงฆ์ นั้น
ล่าสุด นายชูชาติ รักจิตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน ชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีที่ดินบางส่วนเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ซึ่งฝ่ายจัดหาที่ดินที่ 4 กรมชลประทาน ได้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดแพร่ เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ดังกล่าว และได้มีการประชุมหารือแนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเอกสารที่เกี่ยวข้องให้เจ้าอาวาสวัดแม่แคมลงนาม เพื่อทำผาติกรรม สำหรับกรณีการจ่ายค่าชดเชยที่ดินและค่ารื้อย้ายทรัพย์สิน นั้น กรมชลประทาน ได้ดำเนินการจ่ายค่าชดเชยไปแล้วในปี 2561 – 2564 รวมเป็นเงิน 336,284,090.82 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 90.92 ของบัญชีค่าทรัพย์สินทั้งหมด ยังคงเหลือ 33,600,724.72 บาท ที่คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ทั้งหมดในปีงบประมาณ 2564 นี้
ส่วนกรณีการเข้าไปดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ นั้น สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 4 ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลสวนเขื่อน เพื่อให้ประชาสัมพันธ์แจ้งให้ราษฎรในพื้นที่ได้รับทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนเข้าพื้นที่ ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายและแจ้งด้วยวาจาให้กับผู้ที่มีที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างให้รับทราบอย่างทั่วถึงแล้ว ส่วนประเด็นไม้สักในพื้นที่วัดหายไปนั้น เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 จังหวัดแพร่ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้แทนเจ้าอาวาสวัดแม่แคมเข้าร่วมการประชุม ผลการประชุมสรุปว่า ผู้ร้องคือวัดแม่แคมยินดียุติเรื่องร้องเรียน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ กรมชลประทานยืนยันว่า ในการดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน สามารถตรวจสอบได้ ส่วนกรณีกล่าวหาว่ากรมชลประทาน เป็นต้นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ขัดแย้งกับพระวัดแม่แคม นั้น ขอยืนกรานว่ากรมชลประทาน ไม่มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งใดๆในพื้นที่ มุ่งหวังเพียงที่จะสร้างและพัฒนาแหล่งน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ และสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่มีน้ำใช้อย่างเพียงพอและยั่งยืน