กรมชลฯ เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำ ขอความร่วมมือทุกฝ่ายใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำ (กทม.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่

ดร.ทวีศักดิ์ ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (24 ม.ค.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 55,406 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ 31,474 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 9,678 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43 ของปริมาณน้ำใช้การได้ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,284 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้ 6,588 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 2,485 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44 ของปริมาณน้ำใช้การได้สำหรับผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี 2564/65 ทั้งประเทศเพาะปลูกข้าวไปแล้ว 5.36 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 84 ของแผนฯ เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 3.63 ล้านไร่ เกินแผนที่วางไว้ร้อยละ 29 (แผนวางไว้ 2.81 ล้านไร่)

ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์น้อย ประกอบกับปัจจุบันมีการเพาะปลูกเกินแผนที่กำหนด จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา บริหารจัดการน้ำด้วยการหมุนเวียนน้ำในพื้นที่ให้ทั่วถึง เพื่อไม่ให้พื้นที่ที่เพาะปลูกแล้วเกิดความเสียหาย ด้านการเพาะปลูกพื้นที่ลุ่มต่ำ ให้ควบคุมการเพาะปลูกให้เป็นไปตามแผน รวมทั้งดำเนินการตามมาตรการรองรับฤดูแล้งปี 64/65 ทั้ง 8 มาตรการอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญให้ทำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำ และแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดทรัพยากรน้ำเพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอตลอดช่วงแล้งนี้