Home Blog Page 184

กรมชลฯ​ คุมเข้มแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง ย้ำทุกฝ่ายช่วยกันประหยัดน้ำ

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ว่า ปัจจุบัน (5 ม.ค. 65)  อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 57,757 ล้าน ลบ.ม. หรือ​ 75% ของความจุอ่างฯ รวมกัน มีน้ำใช้การได้ 33,639 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 7,557 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 34% ของปริมาณน้ำใช้การได้  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 7,891 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59% ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้ 4,094 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 1,797 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 32% ของปริมาณน้ำใช้การได้ 

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

สำหรับผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี 2564/65 ทั้งประเทศเพาะปลูกข้าวไปแล้ว 3.59 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของแผนฯ  เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 2.51 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 89 ของแผนฯ ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทาน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา พิจารณาเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในการปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปี ปี 65 ตามข้อสั่งการของรัฐบาล โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน

ด้านคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้เน้นย้ำให้ติดตามสถานการณ์น้ำและควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด สอดคล้องกับสถานการณ์ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการน้ำ เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้

กรมป่าไม้ – ซีพีเอฟ เปิดพื้นที่ต้อนรับน้องๆ ค่ายSMART-i CAMP ศึกษาระบบนิเวศ “เขาพระยาเดินธง”

การสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นตั้งแต่เด็กและเยาวชน นอกจากช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้กับเด็กๆแล้ว ยังเป็นพื้นฐานของการปลูกจิตสำนึกการมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

โดยเมื่อเร็วๆนี้ ค่าย SMART-i CAMP ได้พาเด็กๆ อายุ 6-14 ปี ลงพื้นที่ศึกษาและทำกิจกรรมที่ “โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าเพิ่มเติม ซึ่งเป็นความร่วมมือ 3 ประสาน โดยภาครัฐ คือ กรมป่าไม้ ชุมชนรอบพื้นที่เขาพระยาเดินธง และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยมี นายถนอมพงษ์ สังข์ธูป หัวหน้าโครงการฟื้นฟูสภาพป่าไม้เขาพระยาเดินธง กรมป่าไม้ และนายอนุชิต ศรีสุระ คณะทำงานโครงการซีพีเอฟรักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง ให้การต้อนรับ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการฯ รวมทั้งกระบวนการฟื้นฟูป่า

นายถนอมพงษ์ สังข์ธูป หัวหน้าโครงการฟื้นฟูสภาพป่าไม้เขาพระยาเดินธง กล่าวว่า ประสบการณ์จากกิจกรรมภาคปฏิบัติที่น้องๆ ค่าย SMART-i CAMP ได้รับ นอกจากเรียนรู้รูปแบบการปลูกป่าในพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วย 4 รูปแบบ ตามสภาพของพื้นที่ การฟื้นฟูป่า การเพาะกล้า เด็กๆยังได้ร่วมกิจกรรมฐานการเรียนรู้ อาทิ การสร้างฝายชะลอน้ำ การทำ Seed Ball ที่ถูกตามหลักวิชาการของกรมป่าไม้ กิจกรรมยิง Seed Ball เดินเทรลศึกษาระบบนิเวศป่าในเวลากลางคืน ฯลฯ โดยเด็กๆให้ความสนใจสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการปลูกป่า การทำ Seed Ball และสัตว์ที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่

ด้านนายศิริภพ โสมาภา หรือคุณครูแก๊ป ผู้ก่อตั้ง SMART i -Academy กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของการจัดค่าย 7 Habits for teens By SMART-i Camp เป็นการพัฒนาภาวะผู้นำ เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากสิ่งรอบๆตัว รวมถึงทีม Trainer ครูพี่เลี้ยง เพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ๆในค่าย เด็กๆได้เรียนรู้จาก การตั้งเป้าหมาย ลงมือทำ ผ่านการลองผิด ลองถูก ซึ่งกิจกรรมลงพื้นที่ที่เขาพระยาเดินธงในครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการจัดค่ายฯ ที่ถือเป็นแบบทดสอบกำลังใจ เพื่อให้เด็กๆ รู้จักผนึกพลังผสานความต่าง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง อาทิ กิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำ ซึ่งเด็กๆต้องช่วยกันยกก้อนหินมาวางเสริมความแข็งแรงของฝาย กิจกรรมเดินเทรลในเวลากลางคืน ที่สำคัญ คือ กระบวนการถอดบทเรียน ด้วยการชวนเด็กๆคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากบทเรียนที่น่าประทับใจ

สำหรับโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง เป็นความร่วมมือ 3 ประสาน โดยภาครัฐ คือ กรมป่าไม้ ชุมชนรอบพื้นที่เขาพระยาเดินธง และซีพีเอฟ อนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าเพิ่มเติม บริเวณผืนป่าต้นน้ำลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งดำเนินการไปแล้วรวม 6,971 ไร่ เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2559 ปัจจุบันเข้าสู่ระยะที่สอง (ปี 2564-2568) เป็นผืนป่าต้นแบบให้กับผืนป่าอื่นๆของประเทศ จากความสำเร็จในการปลูกป่า 4 รูปแบบ ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ต่อยอดจากการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่า ให้เป็นห้องเรียนธรรมชาติให้กับเด็ก เยาวชน ประชาชนที่สนใจ และหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้ามาเรียนรู้กระบวนการฟื้นฟูป่า และสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพและความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า

นอกจากนี้ เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนของโครงการ และสอดรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) บริษัทฯ ต่อยอดสู่การสร้างความมั่นคงทางอาหาร สนับสนุนกิจกรรมของชุมชน คือ โครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติ ส่งเสริมชุมชนปลูกผักปลอดสารเคมี และจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ตามภูมิปัญญาชุมชน และโครงการปล่อยปลาลงเขื่อน คนในชุมชนผลิตอาหารปลอดภัยไว้บริโภค สร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และสนับสนุนการอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน ./

ทรีนีตี้ มั่นใจไตรมาสแรก ดัชนีวิ่งขึ้นต่อ ลุ้นมีโอกาสแตะ 1,680 – 1,800 จุด

“ทรีนีตี้” ฟันธง January effect มาแน่ เหตุสภาพคล่องเงินไหลเข้าหนุนดัชนีวิ่งขึ้นต่อไตรมาสแรก มีโอกาสแตะ 1,680 จุด และ 1,800 จุด ทั้งปีให้กรอบ 1,500-1,800 จุด พร้อมแนะจัดพอร์ตเน้นหุ้น อิงการบริโภคภายในประเทศและหุ้นในดัชนี SETHD ซึ่งเตรียมเข้าสู่ช่วงเวลาดีที่สุดของปี

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือน ม.ค.2565 ว่า มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดปรากฎการณ์ January effect จากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เอื้ออำนวย ทั้งสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง เงินทุนไหลเข้า ช่วงต้นปีและการซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ซึ่งจะหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อได้จากระดับปิดปี 2564 ที่1,657.62 จุดและภายในไตรมาสแรกของปี 2565 มีโอกาสเห็นดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,680 จุดในกรณีฐานและระดับ 1,800 จุดในกรณีดีสุด

ทั้งนี้ ทรีนีตี้ ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2565 บนสมมติฐาน EPS ของตลาดปี 2566 ที่ 107 บาท และพี/อี กรณีฐานที่ 15.7 เท่า จะได้ระดับดัชนีที่ 1,680 จุด ส่วนในกรณีดีสุด เทียบเคียงพี/อี ที่ 16.8 เท่า และสมมติฐาน EPS เดียวกัน จะได้ระดับดัชนีดีสุดที่ 1,800 จุด ซึ่งหากจะเห็นตัวเลข 1,800 จุดนี้ มองว่าจะต้องเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 นี้ ซึ่งประเมินว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี

ในทางกลับกัน มองแนวรับดัชนีกรณีฐานที่ระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียงพี/อี 16.8 เท่า และสมมติฐาน EPS ปี 2565 ที่ 96 บาท ส่วนในกรณีเลวร้ายสุด หากเกิดกรณีลบเช่น Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในไตรมาส 1 และรัฐบาลไทยหันกลับมาใช้มาตรการ Lockdown คนในประเทศอีกครั้ง มองระดับแนวรับที่ลึกที่สุดของ SET อยู่ที่ 1,500 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่าพี/อี 15.7 เท่า บนสมมติฐานตัวเลข EPS เดียวกัน

นายณัฐชาต กล่าวว่า ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนำนักลงทุนให้ถือครองหุ้นไทยเพื่อ Let profit run ได้ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งในประเทศเกิดใหม่ที่ปรับตัวได้ดีในช่วงต้นปีนี้ รับการไหลกลับเข้ามาบางส่วนของเงินทุนจากประเทศพัฒนาแล้ว ในฐานะที่เป็นประเทศที่ยังคง Laggard ทั้งในด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและระดับ Valuation ที่ยังอยู่ต่ำโดยเปรียบเทียบ พร้อมทั้งยังไม่มีความเสี่ยงด้านการเข้มงวดของนโยบายการเงินและนโยบายการคลังแต่อย่างใด

ในส่วนธีมการลงทุนประจำเดือนมกราคมนี้ แนะนำนักลงทุนถือครองหุ้น 2 กลุ่มเดิมต่อไป นั่นก็คือ 1) กลุ่มที่อิงกับการบริโภคภายในประเทศที่มีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องและมีปัจจัยกระตุ้นรออยู่ เช่น มาตรการช้อปดีมีคืน อาทิ KBANK, BBL, BJC, CPALL, HMPRO, DOHOME, COM7, M, ORI, SPALI, SIRI, BEM, BTS, PLANB, MAJOR, VGI, PF&REIT และ 2) กลุ่มหุ้นปันผลสูงที่มีความเชื่อมั่นเกินกว่า 80% ว่าจะให้ผลตอบแทน Total return เป็นบวกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ SCC, TISCO, AP, ADVANC, PTT, INTUCH, BBL, LH, GUNKUL, PTTEP, SIRI, SENA, SC, MAJOR, TOG, PSH

สำหรับกรณีที่กองทุน LTF ที่ผู้ลงทุนถือครองมาครบ 7 ปีจะไถ่ถอนนั้น ประเมินว่าในเดือนมกราคมจะมีมูลค่าเม็ดเงินราว 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแต่อย่างใด เพราะกองทุนต่างๆ น่าจะเตรียมสภาพคล่องไว้รองรับแล้ว เห็นได้จากการขายหุ้นไทยของนักลงทุนสถาบันช่วงปลายปีที่ขายสุทธิไปกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าสามารถรองรับ LTF ที่จะไถ่ถอนได้เพียงพอแล้ว ที่สำคัญ น่าจะทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ หันกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยได้ในช่วงเดือนมกราคม ดังภาพที่เคยเกิดขึ้นมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมาที่เปิดให้มีการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนด

กรมชลประทาน รณรงค์คนไทยประหยัดน้ำ รับมือภัยแล้ง พร้อมเปิดตัวโครงการ “ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้ง”

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขานรับนโยบายแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้งของประเทศไทยของ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยการจัดทำโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้งโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้คนไทยประหยัดน้ำเพื่อชาติ นำเสนอภายใต้แนวคิดประหยัดน้ำ เท่ากับ บริจาคน้ำเตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดทรัพยากรน้ำ ก่อนภาวะวิกฤติภัยแล้งจะมาถึง โดยกลุ่มเป้าหมายจะมุ่งเน้นไปที่ กลุ่มเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยการรณรงค์จะนำเสนอผ่านเพลงและมิวสิควิดีโอเพลง Save Water หรือ เพลง ประหยัดน้ำ โดยศิลปินชั้นนำของเมืองไทยว่าน ธนกฤตและเปาวลี พรพิมลซึ่งนับเป็นครั้งแรกในการรวมตัวเฉพาะกิจต้านภัยแล้งนำมาผสมกับดนตรีสมัยใหม่ฟังง่าย เข้าใจง่าย เพื่อให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น โดยสามารถรับฟังผ่าน Music Streaming ทุกช่องทาง

ประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน

ผมเชื่อว่าเพลงคือภาษาสากลเราสามารถใช้บทเพลงถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีกว่าการพูด สามารถสร้างการจดจำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราได้นักร้อง นักแต่งเพลง อย่างคุณเอก Season Five มาถ่ายทอดเรื่องราวที่กรมชลประทานอยากจะบอกทุกคน อยากให้ฟังแล้ว ตระหนักถึงปริมาณน้ำและการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ผลลัพธ์ส่วนบุคคลจะกลายเป็นผลลัพธ์เพื่อชาติ ประโยชน์ไม่ได้เกิดแค่กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการประหยัดน้ำเราทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำคอนเทนต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของกรมชลประทาน ทั้งในรูปแบบของการรายงานสถานการณ์น้ำ รูปแบบการบริหารจัดการน้ำ แนวทางในการประหยัดน้ำ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้เกิดความเข้าใจ และเกิดการแชร์ต่อในวงกว้าง

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางด้านการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 กรมชลประทาน ได้ดำเนินการตามมาตรการการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 ทั้ง 8 มาตรการได้แก่

  1. เร่งเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน เพื่อเป็นน้ำต้นทุนในช่วงฤดูแล้ง
  2. จัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งสํารวจ ตรวจสอบ พื้นที่ที่มีศักยภาพ ที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำรองได้
  3. กําหนดการจัดสรรน้ำฤดูแล้ง รวมทั้งติดตามกํากับให้เป็นไปตามแผนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค พร้อมจัดทําทะเบียนผู้ใช้น้ำ
  4. วางแผนเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนการเพาะปลูกในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นอันดับแรก
  5. เตรียมน้ำสํารองสําหรับพื้นที่ลุ่มต่ำ เพื่อสนับสนุนน้ำเตรียมแปลง
  6. เฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก สายรอง และเตรียมแผนรองรับกรณีเกิดปัญหา
  7. ติดตามประเมินผล เพื่อให้ผลการดําเนินงานเป็นไปตามแผน
  8. สร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการน้ำ ให้ทุกภาคส่วน เกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไปตามแผนที่กําหนดไว้

นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดแผนจัดสรรน้ำจากโครงการชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศในช่วง ฤดูแล้งปี 2564/65 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 30 เมษายน 2565 จากปริมาณน้ำต้นทุนทั่วประเทศ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จํานวน 37,857 ล้าน ลบ.ม. วางแผนจัดสรรน้ำ จํานวน 22,280 ล้าน ลบ.ม. (สํารองน้ำต้นฤดูฝนปี 2565 รวม 15,577 ล้าน ลบ.ม.) โดยจัดลําดับความสําคัญ ตามกิจกรรม ดังนี้ การอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ การเกษตรฤดูแล้ง และอุตสาหกรรม โดยมีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จํานวน 6.41 ล้านไร่

อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนตระหนักถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น และร่วมแรงร่วมใจกันประหยัดน้ำ ใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่สำนักงานชลประทานในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460

AIS ชี้ปีใหม่ยอดดาต้า 5 จี เพิ่มขึ้น 619% กระจายทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่การใช้งานดิจิทัลเติบโตอย่างยิ่ง จากการล็อคดาวน์ด้วยสถานการณ์โควิด ที่ทำให้วิถีการใช้ชีวิต ทั้งทำงาน หรือ เรียน ต้องอยู่ที่บ้านเป็นหลัก ส่งผลถึงปริมาณการใช้งานดาต้าของลูกค้า ที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 25 กิกะไบต์ต่อเดือน สำหรับช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 ที่แม้จะยังอยู่ระหว่างสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการระบาดของโควิด-19 แต่ลูกค้าก็มีการเดินทางท่องเที่ยวทุกภาคทั่วประเทศมากขึ้น รูปแบบการใช้งานจึงมีการกระจายตัวจากกรุงเทพไปในแต่ละจังหวัดสูงขึ้นมากกว่า 20%  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสาน และภาคเหนือ เมื่อเทียบกับช่วงวันธรรมดา  และด้วยเครือข่าย AIS 5G  ที่ครอบคลุมทั่วประเทศมากเป็นอันดับ 1  จึงสามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การใช้งานดาต้าบน 5 จี จึงเติบโตสูงถึง 619% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส

ส่วนภาพรวมการใช้บริการของ ทั้งโมบาย ไวไฟ และเอไอเอส ไฟเบอร์ ก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งวัน กว่า 37%  เมื่อเทียบกับปี 2564   โดยมีการอวยพรปีใหม่ ผ่านแอปพลิเคชั่นยอดฮิตอย่าง เฟซบุ๊ค ไลน์ และรับชม Video Streaming เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง หรือ พักผ่อน อยู่กับบ้านมากขึ้นอย่างชัดเจน

ออมสิน รับปีขาล ออก “สลากออมสินดิจิทัล 1 ปี ฉลองปีใหม่ 2565” ลุ้นรางวัลใหญ่ 1 ล้าน รวม 20 รางวัล

ธนาคารออมสิน ต้อนรับปีขาล มอบของขวัญปีใหม่ 2565 ให้ลูกค้าสุดพิเศษ!

ซื้อสลากออมสินดิจิทัล 1 ปี ผ่าน MyMo ได้ลุ้นโชคต่อที่ 2 เพิ่ม! รางวัลพิเศษ จำนวน 20 รางวัล ๆ ละ 1 ล้านบาท มูลค่ารวม 20 ล้านบาท

กำหนดออกรางวัล 2 ครั้ง
• ครั้งที่ 1 วันที่ 16 มีนาคม 2565 จำนวน 10 รางวัล รวม 10 ล้านบาท
• ครั้งที่ 2 วันที่ 16 เมษายน 2565 จำนวน 10 รางวัล รวม 10 ล้านบาท
(กำหนดงวดและหมวดอักษรของรางวัลพิเศษ ทั้ง 20 รางวัล)

เปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2564 – 15 มีนาคม 2565 (วงเงินรับฝาก 24,000 ล้านบาท)

หลักเกณฑ์รายละเอียด
ระยะเวลารับฝากตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีสิทธิเปิดบัญชีบุคคลธรรมดา อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
อายุ1 ปี (สิทธิการถูกรางวัล 12 ครั้ง)
ราคาต่อหน่วย20 บาท
รายละเอียดดอกเบี้ยฝากครบ 1 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยกรณีผิดเงื่อนไขการฝากฝากไม่ครบ 3 เดือน หักส่วนลด 0.50 บาทต่อหน่วย
วงเงินในการรับฝาก 1. สามารถเลือกทำรายการฝากตามจำนวนเงินที่กำหนดได้ ดังนี้ จำนวนเงิน 200 /400 /1,000 /2,000 /10,000 /20,000 /100,000 และ 200,000 บาท
2. สามารถระบุจำนวนเงินที่ต้องการฝากด้วยตนเองตั้งแต่ 1,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 10,000,000 บาท โดยระบุได้เฉพาะจำนวนเงินที่หารด้วย 1,000 ลงตัว
3. วงเงินการทำรายการสูงสุด 10,000,000 บาทต่อวัน (วงเงินรวมกับการโอนเงินภายในบัญชีตนเอง)4. ธนาคารไม่ออกใบสลากให้ แต่สามารถตรวจสอบรายการฝากได้ในบริการMobile Banking (MyMo)5. สามารถฝากเพิ่มในทะเบียนสลากเดิมได้โดยเป็นรายการฝากใหม่
ระยะเวลาจ่ายดอกเบี้ย
การออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน* หยุดจำหน่ายทุกวันที่ 16 ของเดือน *
การรับเงินรางวัลโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอนในวันถัดจากวันที่ออกรางวัล
เงื่อนไขหลัก1. ผู้ฝากต้องมีบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกเป็นบัญชีคู่โอนสำหรับรับโอนเงินต้นและดอกเบี้ยเมื่อสลากครบอายุ และเงินรางวัลเข้าบัญชีเงินฝาก2. ต้องสมัครใช้บริการ Mobile Banking (MyMo) สำหรับทำรายการฝาก-ถอน ผ่านบริการ Mobile Banking (MyMo)3.  ไม่รับฝากบัญชีร่วมและบัญชีเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์
สลากครบอายุโอนเงินสลากครบอายุและดอกเบี้ย(ถ้ามี) เข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอน

สิทธิพิเศษของโครงการ 

ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2564 – 15 มีนาคม 2565
วงเงินโครงการ24,000 ล้านบาท
เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ1.     ต้องเป็นผู้ฝากสลากออมสินดิจิทัล 1 ปี ในระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม 2564 – 15 มีนาคม 2565 เท่านั้น
2.     ไม่จำกัดวงเงินรับฝากต่อราย
สิทธิพิเศษของโครงการเพิ่มรางวัลพิเศษ รางวัลละ 1 ล้านบาท จำนวน 20 รางวัล รวมเป็นเงินรางวัลทั้งสิ้น 20 ล้านบาท โดยกำหนดงวดและหมวดอักษรของรางวัลพิเศษ ทั้ง 20 รางวัล
การออกรางวัลพิเศษออกรางวัลจำนวน 2 ครั้งครั้งที่ 1 วันที่ 16 มีนาคม 2565 จำนวน 10 รางวัล รวม 10 ล้านบาทครั้งที่ 2 วันที่ 16 เมษายน 2565 จำนวน 10 รางวัล รวม 10 ล้านบาท
การรับเงินรางวัลพิเศษโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอน ในวันถัดจากวันที่ออกรางวัล

ดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ >https://bit.ly/3sAm4pW

หมอช้าง เปิด 9 บทสวดมนต์ข้ามปี รับมงคลปีใหม่ 2565

“หมอช้าง” ทศพร ศรีตุลา หมอดูทำนายราศีชื่อดัง นำบทสวดมนต์ข้ามปีมาฝาก เพื่อให้คนไทยนำไปสวดอยู่บ้านในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รับชีวิตวิถีใหม่ ปลอดภัยจากการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธ์ุโอไมครอนที่กำลังน่าวิตกอยู่ตอนนี้

1.คำกล่าวบูชาพระรัตนตรัย

2. บทกราบพระรัตนตรัย

3. นมัสการพระพุทธเจ้า

4. สมาทานศีล 5

5. บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย

6. บทมงคลสูตร

7. บทโพชฌังคปริตร

8. บทพุทธชัยมงคลคาถา

9. บทแผ่เมตตา

ที่มา เพจเฟสบุ็ค หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา

กรมสรรพากร​ แจ้งยกเลิกคืนภาษีผ่าน​บัตร​ e-Money​ กรณีไม่มารับเงินคืนภาษีด้วยตัวเอง

กรมสรรพากรปรับเปลี่ยนช่องทางการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2564  สืบเนื่องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีประกาศว่าด้วย แนวทางในการระบุตัวตนและพิสูจน์ทราบตัวตนของลูกค้า และการระบุและพิสูจน์ทราบตัวตนของผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง ส่งผลให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต้อง “ยกเลิกการรับคืนเงินภาษีด้วยบัตรเงินสด e-Money กรณีผู้ขอคืนเงินภาษีไม่ได้เดินทางมารับเงินคืนภาษีด้วยตนเองที่สาขาธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่ วันที่ 2พฤศจิกายน พ.ศ. 2564” เพื่อให้การพิสูจน์ยืนยันตัวตนของการมารับเงินภาษีคืนด้วยบัตรเงินสด e-Money ที่สาขาธนาคารเป็นไปตามประกาศดังกล่าว

นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน)
ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร​ เปิดเผยว่า“เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่จะขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา​ ปีภาษี 2564 ที่จะมีกำหนดการยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 พร้อมขอคืนเงินภาษี​ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่​ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 กรณียื่นด้วยแบบกระดาษ​ หรือถึงวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565 กรณียื่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่ www.rd.go.th โดยได้เตรียม
ช่องทางในการคืนเงินภาษีให้ดังนี้

1) การคืนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
กรมสรรพากรจะทำการโอนเงินภาษีที่ได้อนุมัติคืนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ สำ​หรับบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชนกับบัญชีเงินฝากธนาคาร​ และได้แจ้งความประสงค์ขอรับเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าว ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้ขอคืนภาษีเกินกว่า
90% เลือกใช้บริการในปีภาษีที่ผ่านมา​

2) การคืนเงินผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตร​ และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กรณีผู้ขอคืนเงินภาษีไม่ประสงค์รับเงินภาษีคืนด้วยการโอนเงินภาษีคืน
เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ กรมสรรพากรจะออกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา​เป็นหลักฐานเพื่อนำไปติดต่อรับเงินคืนที่สาขาธนาคารธนาคารกรุงไทย หรือธกส. ดังนี้

  • สำหรับ กรณีผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี ที่มีคำสั่งศาล และได้รับหนังสือแจ้งคืนภาษี​ ผู้จัดการมรดก ยังคงสามารถมาขอรับเงินคืนได้ที่สาขาธนาคารกรุงไทย ในรูปแบบบัตรเงินสด e-Money ได้​ โดยแสดงคำสั่งศาลที่เกี่ยวข้อง พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการมรดกมาขอรับเงินคืนที่สาขาธนาคาร

3) การคืนเงินสำหรับผู้ขอคืนที่ไม่สามารถลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก กรณี ชาวต่างชาติ ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล วิสาหกิจชุมชน และกองมรดก ที่ยังไม่ได้แบ่ง​ กรมสรรพากรจะออกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีฯ​ พร้อมเช็ค โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่บนแบบแสดงรายการให้ผู้ขอคืน เพื่อนำไปเข้าบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารเท่านั้น

สำหรับผู้ขอคืนที่ได้รับหนังสือก่อน วันที่ 1 มกราคม 2565 ที่ยังไม่ได้ขอคืนเงินที่สาขาธนาคาร​ และหนังสือหมดอายุ ให้ยื่นคำร้องขอออกเช็คคืนภาษีที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ กรมสรรพากรจะออกหนังสือฉบับใหม่พร้อมเช็คและจัดส่งทางไปรษณีย์ให้ผู้ขอคืนต่อไป”

โฆษกกรมสรรพากร​ กล่าวว่า “เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการขอรับคืนเงินภาษี
ขอแนะนำให้ผู้ขอคืนลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชนกับบัญชีเงินฝากธนาคาร
และแจ้งความประสงค์ขอรับเงินภาษีคืนเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าว หากมีค าถามเกี่ยวกับวิธีการและเอกสารที่ใช้ในการขอคืนเงินภาษีผ่านสาขาธนาคาร สามารถติดต่อสาขาธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร ที่ท่านสะดวก”
หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ
หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161


พีทีที สเตชั่น ต้อนรับปีใหม่ เติมน้ำมันครบ 300 บาท รับฟรีสินค้าไทยเด็ด

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า พีทีที สเตชั่น ขอส่งมอบความสุขคืนสู่ลูกค้ากับโปรโมชั่นฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยของขวัญสุดพิเศษกว่า 2 ล้านชิ้น โดย พีทีที สเตชั่น ขอเป็นตัวกลางส่งต่อความสุขจากชุมชนด้วยการอุดหนุนสินค้าจากผู้ประกอบการรายย่อยและนำมามอบเป็นของขวัญชิ้นพิเศษให้ลูกค้าที่มาเติมน้ำมัน ซึ่งไม่เพียงจะเติมเต็มรอยยิ้มของผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการที่ พีทีที สเตชั่น แต่ยังช่วยกระจายรายได้กลับสู่ชุมชน เติมเต็มความสุข ได้ความอิ่มใจทั้งผู้ผลิต ผู้ให้ และผู้ได้รับ

เติมเต็มรอยยิ้มให้ชุมชนต้อนรับปีใหม่ เมื่อเติมน้ำมันครบ 300 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับฟรี! สินค้าไทยเด็ด 1 ชิ้น มูลค่า 10 บาท อาทิ มะขามแก้ว ตราบ้านมะขาม, กล้วยตาก ตราแดดดี บานาน่า, ถั่วลายเสือคั่ว ตราคุณลุง, กล้วยตาก ตราไฮโซ และกล้วยกรอบ ตราบานาน่า โดยสินค้าจะมีความแตกต่างกันไปแต่ละพื้นที่

ร่วมเติมเต็มผู้คน เติมเต็มชุมชน ไปกับพีทีที สเตชั่น ศูนย์กลางของความสุข เติมเต็มรอยยิ้มทุกการเดินทาง พร้อมรับโปรโมชั่นสำหรับเทศกาลปีใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2564 – 1 มกราคม 2565 ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น ทุกสาขาทั่วประเทศที่ร่วมรายการ

ซีพี ชนะคดีผู้บริหารส.ธรรมาภิบาลไทย กล่าวหาระบบเกษตรพันธสัญญาทำเกษตรกรเป็นหนี้

รายงานข่าวจากสำนักยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2564 เปิดเผยว่า  ตามที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย บมจ. ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันธรรมาภิบาลไทย เป็นจำเลยในข้อหา “หมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2563

จากกรณีที่นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ กล่าวหาซีพีเกี่ยวกับการทำธุรกิจเกษตรพันธสัญญาของ บมจ.ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) โดยอ้างว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ไก่ ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้รับผลกระทบจากเกษตรพันธสัญญาจนต้องล้มเลิกโครงการและมีหนี้สิน

จากการสืบพยานของศาลอาญากรุงเทพใต้ พบว่า ซีพีไม่มีพฤติกรรมในการเอาเปรียบเกษตรกรจนมีภาระหนี้สินจากการทำเกษตรพันธสัญญาตามที่จำเลยกล่าวอ้างในพื้นที่ ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม แต่อย่างใด

และตามที่จำเลยป่าวประกาศ ทั้งการอ่านข้อความแถลงการณ์ตามหนังสือร้องเรียน และถ่ายทอดสดการแถลงข่าวผ่านทางช่องทางแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กของจำเลย ในขั้นตอนการสืบพยาน ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าแม้จำเลยนำสืบว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่พบว่าไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถูกต้องเสียก่อน คำพยานของจำเลยไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต หรือติชมด้วยความเป็นธรรมจึงมีความผิดตามฟ้อง

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้พิพากษาแล้วว่า นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จำคุก 2 เดือนและปรับ 40,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับย่อพอได้ใจความในหนังสือพิมพ์จำนวน 5 ฉบับ จำนวน 3 วันติดต่อกัน

อนึ่ง บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ฟ้องร้องตัวแทนสถาบันธรรมาภิบาลไทย เพิ่มเติมอีก 3 คดี ได้แก่ รถไฟความเร็วสูง, เกษตรพันธสัญญาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ภาคเหนือ และการรับซื้อวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล