Home Blog Page 409

เอไอเอส ปลื้ม ได้รับเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนเป็นปีที่ 6

0

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส  เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนต่อเนื่องปีที่ 6 ทั้ง FTSE4Good Index Series จากฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) และยังได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ ESG 100 บริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยสถาบันไทยพัฒน์ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในฐานะองค์กรผู้ให้บริการด้านดิจิทัลและโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศที่มีความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจและสร้างคุณค่าในด้านธุรกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่ดี เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศไทย สร้างคุณค่าแก่สังคมไทยในทุกภาคส่วน มุ่งสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา เอไอเอสได้ผลักดันเรื่องการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี และไม่เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน ผ่านโครงการ “คนไทยไร้ E-Waste” ที่ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการสร้างการตระหนักรู้และขยายจุดรับทิ้งขยะ E-Waste ทั่วประเทศรวมกว่า 2,000 จุด รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ผ่านภารกิจหลัก “อุ่นใจ CYBER” ในการสร้างภูมิคุ้มกันบนโลกออนไลน์ผ่านชุดการเรียนรู้เสริมสร้างทักษะทางด้านดิจิทัล DQ (Digital Quotient) ครบทั้ง 8 ทักษะ และสร้างเครื่องมือคัดกรอง Content ที่ไม่เหมาะสมจากโลกดิจิทัลโดยใช้ศักยภาพของเครือข่ายและการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก

ความสำเร็จครั้งนี้ เกิดจากการรวมพลังของบุคลากรในองค์กรตั้งแต่ผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้นำหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนด้านความอย่างยั่งยืนที่ต่อเนื่องและมั่นคง

ซีพีเอฟ ตั้งเป้าหมายความยั่งยืน เน้นดูแลบุคลากร ฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19

0

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวในการเสวนา “Thailand Business Leadership for SDGs 2020” ในหัวข้อผู้นำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามวิถีใหม่ ด้านมนุษยชนและแรงงาน จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการการขับเคลื่อนประเทศไทยหลังวิกฤติโควิด-19 ซึ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการรอบด้านอย่างเป็นระบบ ให้ธุรกิจดำเนินไปได้โดยไม่หยุดชะงัก โดยที่บุคลากรเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้

ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการป้องกันและคุ้มครองพนักงานทุกคน โดยออกมาตรการด้านสุขอนามัยและการตรวจสอบทั้งก่อนเข้าปฏิบัติงาน ระหว่างปฏิบัติงานและหลังปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด โดยยกระดับมาตรการความปลอดภัยสูงสุดทั้งกระบวนการผลิตอาหารและพนักงาน เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานได้รับการดูแลอย่างดีและอาหารมีความปลอดภัยสูงสุด สนับสนุนการผลิตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อาหารมีเพียงพอต่อการบริโภค

ปัจจุบัน บริษัทยังคงมาตรการความปลอดภัยสูงสุดและมาตรการเฝ้าระวังโรคอย่างเคร่งครัด และซื้อประกันภัยส่วนบุคคลเพิ่มให้กับพนักงานขายที่ต้องพบปะลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำงาน ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทฯปฏิบัติมาตั้งแต่เกิดการระบาดของโรค ควบคู่ไปกับบูรณาการเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเข้าถึงอาหารของประชาชน

“ซีพีเอฟ เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารด้วยความรับผิดชอบต่อประเทศไทยและคนไทยในรูปแบบของการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงอาหารได้โดยไม่ขาดแคลน และยังถ่ายทอดความมุ่งมั่นเหล่านี้ไปยังพนักงานให้รับผิดชอบตัวเองและประเทศควบคู่กันไป” นายประสิทธิ์ กล่าว

นอกจากมาตรการสุขอนามัยที่เข้มงวดของพนักงานแล้ว บริษัทฯ ยังเพิ่มการอบรมทักษะเพื่อรับ New Normal เพิ่มเติมเป็นประสบการณ์ให้พนักงาน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและป้องกันการว่างงาน ซึ่งในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ไม่มีการปลดพนักงานเลย

“ไม่มีองค์กรไหนอยู่ได้ ถ้าไม่ดูแลคนของเขาให้เพียงพอในทุกระดับ ตั้งแต่บนลงไปข้างล่างด้วยความยุติธรรมและเท่าเทียมกัน” นายประสิทธิ์ กล่าวตอนท้าย

รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน : วางแผนจัดการหนี้ (1)

0

ที่ผ่านมาเราพูดถึงการเก็บออมเงินและการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับชีวิตแต่หลายชีวิตในขณะนี้ ยังอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้–หมุนหนี้ จนไม่สามารถหลุดพ้นจาก “ชีวิตลูกหนี้” ได้

สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ พอเงินเดือนออกก็มีเจ้าหนี้และรายจ่ายมารออยู่หน้าตู้เอทีเอ็มทุกเดือน ไหนจะค่าผ่อนบัตรเครดิต ค่ารูดบัตรเงินสด ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรือค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ-ไฟ ค่าโทรศัพท์ แถมบางคนยังเป็นหนี้นอกระบบ วนจ่ายแต่ดอกเบี้ยร้อยละ 20 จ่ายไปเท่าไรหนี้เงินต้นก็ยังอยู่ครบ!!

ในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ www.set.or.th  หน้า “เงินทองต้องวางแผน” หัวข้อการ “วางแผนหนี้สิน” มีข้อแนะนำในการบริหารจัดการหนี้ แต่ก่อนอื่นให้แยกประเภทหนี้ระหว่าง “หนี้ดี” กับ “หนี้ไม่ดี” ก่อน

“หนี้ดี” คือหนี้ที่ทำให้เรามีความมั่งคั่งขึ้น คือมีรายได้หรือมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น และต้องเป็นหนี้ที่ไม่กระทบต่อสภาพคล่องในการดำรงชีวิตประจำวัน!!

เช่น หนี้กู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย แม้มีภาระต้องผ่อนบ้านทุกเดือน แต่ความมั่งคั่งจะเพิ่มขึ้นจากการค่อยๆสะสมความเป็นเจ้าของ (เงินต้นที่ไปหักหนี้ออกทุกเดือน) รวมถึงมูลค่าบ้านและที่ดินที่สูงขึ้นตามระยะเวลา อย่างนี้ถือว่าการเป็นหนี้ซื้อบ้านสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับเราได้ นอกจากนี้ บ้านยังได้ประโยชน์เป็นที่อาศัย ไม่ต้องไปจ่ายค่าเช่าบ้าน

สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมาคือ เงินที่ผ่อนบ้านรายเดือน ทำให้เรามีปัญหาสภาพคล่องหรือไม่ ถ้าผ่อนแล้วไม่มีปัญหาสภาพคล่อง ไม่ทำให้ต้องอัตคัดขัดสน อันนี้ถือว่าเป็น “หนี้ดี” แต่ถ้าตรงกันข้าม ผ่อนบ้านแล้วถึงขนาดเงินไม่พอใช้จ่าย จนต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อกินอยู่ในชีวิตประจำวันเพิ่มอีก อย่างนี้ก็ถือเป็น “หนี้ไม่ดี”

หรือการกู้เงินซื้อรถยนต์ หากพิจารณาจากเกณฑ์ความมั่งคั่งการซื้อรถยนต์จัดเป็น “หนี้ไม่ดี” เพราะทันทีที่เราขับรถออกจากโชว์รูม “มูลค่า”หรือราคาของรถยนต์ มีแต่ลดลงหรือเสื่อมลงเรื่อยๆ

แต่หากเราใช้รถยนต์เพื่อเดินทางไปทำงาน แล้วทำให้เราลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ โดยต้องรวมค่าผ่อนรถ+ค่าน้ำมัน+ค่าดูแลรักษาแล้ว ยังจ่ายน้อยกว่าค่าเดินทางที่ต้องจ่ายอยู่เดิม

หรือหากใช้รถยนต์ไปสร้างอาชีพสร้างรายได้ เช่น ใช้บรรทุกสินค้าไปขายหรือรับจ้างส่งของส่งคน ที่สร้างรายได้ให้มากขึ้น เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเรื่องรถ และทำให้มีเงินเหลือออมมากขึ้น ถือว่าการเป็นหนี้ผ่อนรถยนต์สามารถสร้างความมั่งคั่งให้เราได้และไม่กระทบกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ถือเป็น “หนี้ดี”

แต่บางคนที่ซื้อรถยนต์ เพื่อสร้างความสะดวกสบาย หรูหรา ขับโชว์สาว ทั้งที่ยังไม่มีความพร้อมทางการเงิน ภาระค่าผ่อนรถ–ค่าน้ำมัน ทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องหยิบยืมหรือรูดบัตรเครดิต–บัตรเงินสดมาผ่อนรถ อย่างนี้เป็น “หนี้ไม่ดี” แน่ๆ แถมจะทำให้ชีวิตตก “หลุมดำแห่งชีวิตลูกหนี้” เป็นจุดเริ่มต้นที่บั่นทอนสุขภาพการเงินและสุขภาพจิตต่อไปแน่ๆ

ลองสำรวจตัวเองกันดูนะคะ ว่าหนี้ที่อยู่ในวังวนของเราตอนนี้ เป็น “หนี้ดี” หรือ“หนี้ไม่ดี” ทางที่ดีอย่าพยายามสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น แต่หาก “เป็นหนี้” แล้ว ต้องใช้หนี้และพยายามคุมหนี้ทุกประเภท อย่าให้มีภาระจ่ายเกิน 50% ของรายได้ในแต่ละเดือน เพราะเรายังต้องกินต้องใช้ทุกวัน!!

ครั้งหน้าจะเขียนวิธีบริหารจัดการหนี้สิน เพื่อหาหนทางปลดหนี้…ปลดล็อกชีวิตหนี้… โปรดติดตาม!!

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

พีทีที สเตชั่น แจ้งเปลี่ยนชื่อน้ำมันดีเซล ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน

0

นายบุญมา พนธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์  เปิดเผยว่า ตามที่กรมธุรกิจพลังงานได้ออกประกาศให้ น้ำมันดีเซล บี10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานของประเทศ และให้เรียกชื่อว่า น้ำมันดีเซล ส่วนน้ำมันดีเซล (บี7) ที่จำหน่ายในชื่อน้ำมันดีเซลอยู่นั้น จะต้องเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น น้ำมันดีเซล บี 7 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป  สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น (PTT Station) ได้เตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนป้ายชื่อผลิตภัณฑ์กลุ่มดีเซลที่ตู้จ่าย และป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ ให้เป็นไปตามประกาศ โดยจะเริ่มดำเนินการและสื่อสารให้ผู้บริโภครับทราบข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อให้แล้วเสร็จครบทุกสถานีบริการทั่วประเทศภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 โดยชื่อผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนไป มีดังนี้

– น้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี10 (UltraForce Diesel B10) เปลี่ยนชื่อเป็น อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล (UltraForce Diesel)

– น้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล (UltraForce Diesel) เปลี่ยนชื่อเป็น อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี7 (UltraForce Diesel B7)

– น้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล พรีเมียม (UltraForce Diesel Premium) เปลี่ยนชื่อเป็นอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซลพรีเมียม บี7 (UltraForce Diesel Premium B7)

น้ำมันดีเซล บี10 ซึ่งจะใช้ชื่อใหม่ว่า อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล นั้น คือน้ำมันที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล 10% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากน้ำมันดีเซล บี 7 ที่ใช้กันอยู่เพียง 3% จึงให้สมรรถนะการขับขี่ที่ไม่แตกต่างจากเดิม และได้ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ ระบบเชื้อเพลิง หรือหัวจ่ายน้ำมัน เนื่องจากใช้ไบโอดีเซลคุณภาพสูงที่ได้รับการรับรองการใช้งานจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่น (Japan Automobile Manufacturer Association – JAMA) อีกทั้งยังมั่นใจได้ถึงความแรงด้วยสารเติมแต่งสูตรพิเศษ UltraForce สูตรเฉพาะของ พีทีที สเตชั่น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1365 Contact Center

ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบรุ่นรถยนต์ที่สามารถเติมน้ำมัน อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล ได้ที่เว็บไซต์ของกรมธุรกิจพลังงาน www.doeb.go.th หรือสอบถามเพิ่มเติมกับศูนย์บริการยานยนต์

บีทีเอส พร้อมรองรับผู้โดยสารช่วงวันหยุดยาว จัดเจ้าหน้าที่ดูแลเต็มกำลัง

0
สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 4 – 7 กันยายน นี้ บีทีเอส ได้เตรียมพร้อม ด้านการให้บริการ และความปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ที่จะใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสในช่วงวันหยุดยาว คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นจำนวนมาก เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

แม้ว่า ปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทย จะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น แต่บีทีเอสยังคงเข้มงวดในมาตรการป้องกัน โดยการเน้นย้ำให้ผู้โดยสารทุกท่าน สวมหน้ากากอนามัย / หน้ากากผ้าทุกครั้ง ระหว่างการเดินทาง งดการพูดคุยภายในขบวนรถไฟฟ้า พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการหันหน้าเข้าหากันในขบวนรถไฟฟ้า เน้นตรวจคัดกรองอุณหภูมิของผู้โดยสารก่อนเข้า ใช้บริการในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส อุณหภูมิต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส และคัดกรองสุขภาพของเจ้าหน้าที่ ทุกครั้งก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งจัดจุดบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า-ออกสถานี เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่น เช็ดทำความสะอาด ภายในขบวนรถไฟฟ้า จุดสัมผัสร่วมภายในสถานี และบริเวณรอบสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำ ตลอดวัน

นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก และให้บริการประชาสัมพันธ์จุดให้บริการเชื่อมต่อรถโดยสารสาธารณะ ขสมก. เรือ รถร่วมบริการต่าง ๆ ผู้โดยสารที่ประสงค์ จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด สามารถเดินทางลงที่ สถานีหมอชิต ออกประตูที่ 1 , 3 เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต 2) หรือ ลงสถานีเอกมัย ทางออกประตูที่ 2 เพื่อเดินทางต่อไปยัง สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) หรือจะเดินทางลงที่ สถานีบางหว้า ทางออกประตูที่ 5 ไป ท่าเรือบางหว้า เพื่อต่อเรือโดยสารคลองภาษีเจริญ หรือลงที่สถานีสะพานตากสิน ทางออกประตูที่ 1 , 2 ไปท่าเรือสาทร เพื่อข้ามเรือไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

และเพื่อลดปริมาณความหนาแน่นของผู้มาใช้บริการ บีทีเอสยังคงจัดขบวนรถไฟฟ้าออกให้บริการแก่ประชาชนทั้งหมด 98 ขบวน เพื่อเพิ่มความสะดวก และขอให้ผู้โดยสารทุกท่านโปรดเผื่อเวลาในการเดินทาง ทั้งนี้ บริษัทจัดเตรียมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คอยดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เข้มงวดในการตรวจสัมภาระผู้โดยสารก่อนเข้าระบบรถไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจในการเดินทางให้กับผู้โดยสารทุกท่าน

สิงห์อาสา เปิดอบรมฟรี หลักสูตรช่างแอร์

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และวิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ได้เปิดอบรมหลักสูตร “ช่างแอร์” เป็นหลักสูตรที่ 2 ในโครงการ Home service and office skills ต่อเนื่อง เน้นฝึกปฏิบัติตัวต่อตัวสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ทันที เป็นการอบรมหลักสูตรระยะสั้น 12 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค.63 ที่อาคารอำนวยการ วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี โดยมีผู้สนใจเข้าอบรมเต็มหลักสูตร หลังจากก่อนหน้านี้มีการเปิดอบรมหลักสูตรช่างไฟฟ้าบ้าน ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ผู้เข้ารับอบรมนำไปต่อยอดสร้างอาชีพได้จริง

สำหรับหลักสูตรช่างแอร์ เป็นการอบรม เทคนิคการดูแลเครื่องปรับอากาศทั้งหมด ทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องปรับอากาศ การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับงาน ฝึกปฏิบัติการถอดประกอบและล้างเครื่องปรับอากาศ ประมาณราคางานบริการซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ รวมไปถึงแนะนำภาพรวมอาชีพ และโอกาสธุรกิจงานช่างแอร์บ้าน โดยผู้เข้าอบรมจะได้ลงมือปฏิบัติงานจริงภายในวิทยาลัยฯ รวมถึงให้บริการชุมชมรอบๆ วิทยาลัยฯ โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้ารับการอบรม ที่สมัครเข้ามาจากทางบ้านสามารถนำไปต่อยอดเป็นวิชาชีพ สร้างตัวเลี้ยงครอบครัวได้

หลักสูตร Home service and office skills กลุ่มทักษะทางด้านงานช่าง ทุกหลักสูตรได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ 6 สถาบันการศึกษา ได้แก่ สถาบันอาชีวศึกษาภาคกลาง 1 จ.ปทุมธานี, วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี กรุงเทพฯ, วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี, มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี, มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จ.ขอนแก่น และมหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่ รวมทั้งการประปานครหลวง (สำนักงานใหญ่) สร้าง 6 หลักสูตรช่างเพื่อทำกิน ได้แก่ 1. ช่างไฟฟ้าบ้าน 2.ช่างแอร์ 3.ช่างประปา 4.กราฟิกดีไซน์เบื้องต้น อบรมการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop และ Adobe Illustrator เบื้องต้น 5.ช่างคอมฯ 6.อี-คอมเมิร์ซ ทำธุรกิจออนไลน์

สำหรับหลักสูตรต่อไป จัดขึ้นในวันที่ 11 ก.ย. 63 คือ หลักสูตรคอมเมิร์ซ ทำธุรกิจออนไลน์ ที่มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้ารับการอบรม ได้ที่เฟสบุ๊ค singha r-sa สิงห์อาสา

ลุยขยายสาขา CP FreshMart ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ 30 ร้าน

0

นายชลากร อัศวอิทธิฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทซีพีเอฟเทรดดิ้งจำกัด ดูแลร้านซีพีเฟรชมาร์ทในพื้นที่เขตภาคเหนือตอนบน พร้อมด้วย นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเปิดร้านซีพีเฟรชมาร์ทสาขาหางดงจ.เชียงใหม่ ร้านรูปแบบใหม่สาขาแรกของจังหวัดที่มีความทันสมัยตอบรับวิถีปกติใหม่หรือ New Normal ด้วยแนวคิด”สดทุกวันส่งถึงคุณ” รวมพลความสดคุณภาพดีในราคาเป็นกันเองพร้อมให้บริการส่งถึงบ้านเพิ่มความสะดวกในทุกมื้อดีๆของทุกๆวัน

“ในวิถีปกติใหม่คนนิยมที่ปรุงอาหารทานที่บ้านมากขึ้นและยังต้องการความสะดวกและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพสดสะอาดปลอดภัย CP FreshMart ซึ่งเป็นมินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ชุมชนได้นำสินค้าสดที่หลากหลายด้วยแนวคิดสดทุกวันส่งถึงคุณเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ตอบสนองมาตรการระยะห่างทางสังคมและลดโอกาสการแพร่เชื้อโดยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนได้ทยอยเปิดสาขาอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และกำลังจะเปิดในตัวเมืองแพร่เร็วๆนี้ ตั้งเป้า30 สาขาภายในสิ้นปีนี้” นายชลากรกล่าว

ร้าน CP FreshMart โฉมใหม่มินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่รวมอาหารสดสะอาดปลอดภัยคุณภาพดี ทั้งหมูสดไก่สดเนื้อโคขุนและกุ้งสดพรีเมียมที่ส่งตรงจากฟาร์มทุกวัน พร้อมเสิร์ฟสถานีชาบู-หมูกระทะที่มีทั้งเนื้อหมู-เนื้อไก่ปรุงรสลูกชิ้นหลากหลายประเภท และยังมีอาหารทะเลด้วย โดยสินค้าจะเก็บรักษาคุณภาพด้วยตู้แช่เย็นเทคโนโลยีใหม่ระบบ Double Cooling ที่มีการกระจายความเย็นได้ทั้งด้านบนและด้านล่างควบคู่กันช่วยรักษาคงความสดใหม่ของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สำคัญยังเป็นระบบ Eco friendly ใช้พลังงานน้อยขณะเดียวกันยังมีผักและผลไม้สดนานาชนิดอาหารพร้อมปรุงอาหารพร้อมทานและอาหารแห้งรวมถึงเครื่องปรุงต่างๆและเครื่องดื่มอย่างครบครันเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับ CP FreshMart สาขาหางดงเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 6.00-21.00 น. พร้อมจัดโปรโมชั่นและสินค้าราคาพิเศษมากมายนอกจากนี้ยังให้บริการสั่งซื้อผ่านโทรศัพท์095-371-4364 โดยร้านจะจัดส่งอาหารในรัศมี5 กิโลเมตรให้ถึงมือลูกค้า ภายในเวลารวดเร็ว ตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มัล

เที่ยว 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

0

แอดมินกุ้ง มีโอกาสลงใต้ เที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เชื่อว่า หลายคนคงรู้สึกว่า การไปเที่ยวที่นี่ เสี่ยงไปมั้ย อันตรายหรือเปล่า แต่เมื่อได้ไปแล้ว กลับพบว่า มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย

ทริปนี้ เราเดินทางด้วยการขับรถยนต์ส่วนตัว แวะนอนที่หาดใหญ่หนึ่งคืน พอตื่นมาก็กินมือเช้าเป็นติ่มซำในตัวเมือง แล้วขับรถต่อไปปัตตานีใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ แวะเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว,

แวะนมัสการหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ หรือใครอยากได้บรรยากาศนั่งรถไฟเที่ยว ก็สามารถเดินทางมาถึงได้เลย เพราะมีสถานีรถไฟอยู่หน้าวัด

ตลอดเส้นทางการเดินทาง จะมีด่านทหารตั้งจุดตรวจเป็นระยะๆ ทำให้แอดมินรู้สึกอุ่นใจขึ้นนิดนึง เป้าหมายต่อไป คือ เบตง เส้นทางไม่น่ากลัว ขับรถไปเรื่อยๆ ผ่านทะเลสาบฮาลาบาลา สามารถแวะชมความงามของทะเลสาปได้ สวยงามทีเดียว

ทะเลสาบฮาลาบาลา

พอใกล้ถึงเบตง ระยะทางเกือบๆ 60 กิโลเมตร ทางจะคล้ายเหมือนเส้นทางไปแม่ฮ่องสอน มีโค้งขึ้นเขาเยอะมาก จนอาจเวียนหัวได้ อีกอย่างที่เบตงเหมือนแม่ฮ่องสอน คือ เบตง เป็นเมืองเล็กๆ ในหุบเขา มีเสน่ห์ในตัว ชวนให้มาสัมผัส

ตกค่ำ ต้องมาเดิน และเก็บภาพที่อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์นี้เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ตอนเย็นถึงค่ำจะเปิดไฟประดับสวยงาม ใครมาเที่ยวเบตง ก็ต้องมาถ่ายรูปหน้าอุโมงค์กันเป็นที่ระลึก จากกนั้น ก็เดินชมหอนาฬิกาคู่บ้านคู่เมืองอำเภอเบตง และระหว่างทาง เราจะเห็นว่า มีป้อมทหาร จุดตรวจ คอยทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย อยู่เป็นระยะๆ

วันรุ่งขึ้น เราออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด ตีห้านิดๆ เพื่อเดินทางไปดูทะเลหมอกอัยเยอร์เวง โดยขับรถออกจากตัวเมืองไปประมาณเกือบชั่วโมง คนเยอะมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจังหวัดใกล้เคียง เพื่อพากันมาชมความงามของทะเลหมอก

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอื่่นๆ ใกล้เมืองเบตง เรายังได้แวะเที่ยวที่อุโมงค์ปิยะมิตร อุโมงค์ดินสร้างขึ้นสมัยมีขบวนการต่อสู้เรื่องดินแดน สำหรับเป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง ที่นี่จะได้ดูต้นไทรยักษ์ อายุพันปี กับแวะเที่ยวบ่อน้ำร้อนเบตง

เก็บภาพประทับใจหลายๆ จุดเแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับมาทำงาน เพื่อหาเงินเที่ยวในทริปต่อไป ปิดทริปหาดใหญ่(สงขลา),ปัตตานี,เบตง(ยะลา) ด้วยการแวะขึ้นกระเช้าชมเมืองที่เขาคอหงส์ ที่หาดใหญ่ ซึ่งเป็นทางผ่านในขากลับค่ะ

แอดมินกุ้ง ประทับใจกับทริปนี้มาก อยากให้เพื่อนๆ ได้เดินทางมาเที่ยวที่นี่กัน ลบภาพจำเดิมๆ กับคำว่า พื้นที่สีแดง เพราะเมื่อเราได้มาสัมผัสจริงๆ จะพบว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เที่ยวได้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ

เขาคอหงส์ ที่หาดใหญ่

สิงห์อาสา จัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ จ้างงานอาสาสมัครฟื้นฟูชุมชนหลังน้ำลดที่สุโขทัย

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ หจก.พูนศรีสุโขทัย ,องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเกาะ ,เทศบาลเมืองศรีสำโรง ,หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จังหวัดสุโขทัย ,ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร จังหวัดสุโขทัย ,เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสามหาวิทยาลัยนเรศวร และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ลงพื้นที่บิ๊กคลีนนิ่งในโครงการสิงห์อาสาสู้น้ำท่วม จ้างงานอาสาสมัครกว่า 100 คน ลงพื้นที่ทำความสะอาด ฟื้นฟูหลังน้ำลดที่ โรงเรียนประชาอุทิศ ต.บ้านเกาะ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งโครงการสิงห์อาสาสู้น้ำท่วม เป็นหนึ่งในโครงการการจ้างงานตามนโยบายเร่งด่วนของ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในการจ้างอาสาสมัครดูแลท้องถิ่นตนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตั้งแต่ช่วงเริ่มเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้จากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือในช่วงเดือนสิงหาคม ได้สร้างความดือดร้อนให้กับชาวบ้านได้รับผลกระทบมากมายกว่า 17,055 ครัวเรือน สิงห์อาสาจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานราชการประจำจังหวัด, เครือข่ายกู้ภัยฯ, ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราสิงห์, ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาจากมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยอาชีวศึกษา ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือถึง 9 อำเภอ 5 จังหวัด ได้แก่ อ.เมือง อ.เชียงคาน อ.ปากชม จ.เลย อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย อ.เวียงสา จ.น่าน อ.วังชิ้น จ.แพร่ และ อ.ศรีสำโรง อ.เมือง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย โดยได้ส่งมอบ น้ำดื่ม 50,000 ลิตร ข้าวสารตราพันดี 2,000 กิโลกรัม และ อาหารปรุงสุกกว่า 1000 ชุด ให้แก่พี่น้องผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้

โดยหลังจากนี้เครือข่ายสิงห์อาสาทั่วประเทศ ยังคงติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด ในการเฝ้าระวังและเตรียมแผนการช่วยเหลืออย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที แม้จะเป็นพื้นที่ห่างไกล แต่น้ำใจคนไทยย่อมไปถึงแน่นอน

ซีพีเอฟ มั่นใจ “กุ้งซีพี แปซิฟิก” คุณภาพสูง ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ซีพีเอฟ เดินหน้าขับเคลื่อน “ความยั่งยืน” มุ่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพได้มาตรฐานปลอดภัย ด้วยความรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่อุปทาน นำ “กุ้งซีพี แปซิฟิก” ผลิตภัณฑ์อาหารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในคุณภาพของสินค้าและสุขอนามัยที่ดี จากระบบการเลี้ยงที่ช่วยรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

นายสัตวแพทย์สุจินต์ ธรรมศาสตร์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นส่งเสริมกระบวนการผลิตกุ้งบนพื้นฐานของความยั่งยืน ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนำเทคโนโลยีขั้นสูงและนำนวัตกรรมการเลี้ยงกุ้ง 3 สะอาด ระบบหมุนเวียนน้ำและระบบไบโอซีเคียวริตี้มาเชื่อมโยงกันในกระบวนการเลี้ยงกุ้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง ลดความเสี่ยงจากโรคของกุ้ง โดยไม่ใช้ยาปฏิชีวนะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายสัตวแพทย์สุจินต์ ธรรมศาสตร์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ

ระบบการเลี้ยงกุ้งของซีพีเอฟ ให้ความสำคัญต่อการดูแลห่วงโซ่อุปทานอย่างรอบด้าน เริ่มตั้งแต่การส่งเสริมการใช้วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ที่ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ สู่ฟาร์มเลี้ยงตามหลักวิชาการและมาตรฐานสากล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การพัฒนาพันธุ์กุ้งที่โตไวด้วยเทคโนโลยีการผลิตลูกพันธุ์กุ้งที่ทันสมัย ได้ลูกพันธุ์ที่โตไว สะอาด แข็งแรง ต้านทานโรค ไร้สารตกค้าง และวิธีการเลี้ยงอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามมาตรฐานสากล เพิ่มผลผลิต ลดความเสี่ยงจากวิกฤตของโรคระบาดต่างๆ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมกุ้ง ตลอดจนการจ้างแรงงานถูกกฎหมาย

สำหรับหลักการเลี้ยงกุ้ง 3 สะอาด ประกอบด้วย การใช้ลูกพันธุ์กุ้งที่สะอาด ปลอดโรค น้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งสะอาดปราศจากเชื้อก่อโรค และมีการบำบัดเพื่อลดปริมาณสารอินทรีย์ก่อนนำมาใช้ รวมทั้งการจัดการบ่อเลี้ยงให้สะอาด และมีระบบการจัดการพื้นบ่อที่ดีไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อก่อโรค

นอกจากนี้ ระบบหมุนเวียนน้ำหรือการรีไซเคิลน้ำมาใช้ในฟาร์มเลี้ยงกุ้ง ช่วยลดการพึ่งพาน้ำจากภายนอก ลดความเสี่ยงของโรคที่มาจากแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ปล่อยของเสียจากการเลี้ยงออกไปสู่สิ่งแวดล้อม

น.สพ.สุจินต์ ยังได้กล่าวถึง ภาพรวมการผลิตในอุตสาหกรรมกุ้งของไทยปีนี้ การผลิตใกล้เคียงกับปีที่แล้วอยู่ที่ 2.8 แสนตัน ขณะที่การผลิตทั่วโลกอยู่ที่ 3 ล้านตัน ในส่วนของซีพีเอฟปีนี้ผลิตได้ดีกว่าปีที่แล้ว เพราะเราสามารถบริหารจัดการเรื่องโรคได้เป็นอย่างดี